การเรียนแฟชั่น คือ การศึกษาเกี่ยวกับสไตล์และเทรนด์ของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายนอกจากจะเป็นเครื่องนุ่งห่มที่ช่วยปกป้องมนุษย์จากสภาพอากาศแล้ว เสื้อผ้ายังสะท้อนถึงอิทธิพลของสภาพแวดล้อม และวัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่นอีกด้วย ทุกวันนี้การเปลี่ยนแปลงในแวดวงแฟชั่นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเมืองอย่างลอนดอน ปารีส มิลาน และนิวยอร์ก ที่ได้รับการขนานนามว่า เมืองหลวงแห่งแฟชั่นของโลก
อุตสาหกรรมแฟชั่นในปัจจุบัน คือการผลิตสินค้าที่ทันสมัย ตอบรับรสนิยมของคนส่วนใหญ่ในสังคม ลดต้นทุนการผลิตด้วยการผลิตครั้งละมากๆ และขายในราคามาตรฐาน ซึ่งการผลิตสินค้าในลักษณะดังกล่าว เป็นงานที่บัณฑิตส่วนใหญ่นิยมทำกันเมื่อจบการศึกษา
หากคุณหลงใหลเกี่ยวกับแฟชั่นและการออกแบบ มีไอดอลในดวงใจเป็น Alexander McQueen, Vivienne Westwood หรือ Anna Wintour และสนใจทำงานในอุตสาหกรรมแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนในกองบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่น แฟชั่นดีไซเนอร์ หรือนักวาดภาพประกอบ คอร์สนี้น่าจะตอบสนองความต้องการของคุณได้เป็นอย่างดี
การได้เรียนในสิ่งที่รักถือว่าเป็นโบนัสของชีวิต แต่นอกจากความชอบในเรื่องแฟชั่นแล้ว ผู้เรียนยังต้องมีความสามารถในการสร้างสรรค์ และสนใจวัฒนธรรมประเพณีที่หลากหลาย ซึ่งมีอิทธิพลต่อการออกแบบเสื้อผ้า หลักสูตรนี้จะสอนทั้งเรื่องแฟชั่น การออกแบบสิ่งทอ ไปจนถึงเรื่องวารสารศาสตร์ ทักษะในการออกแบบ และการทำภาพประกอบ ผู้เรียนจะต้องพร้อมทำงานหนัก และมีแรงจูงใจในการทำความเข้าใจเนื้อหารายวิชา จึงจะได้รับประโยชน์จากคอร์สนี้อย่างเต็มที่
อุตสาหกรรมแฟชั่น เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ใหญ่มากในประเทศอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ.2011 มีเงินหมุนเวียนในอุตสาหกรรมนี้ถึง 21 ล้านปอนด์ต่อปี (ประมาณ 1 พันล้านบาท) บัณฑิตที่จบด้านแฟชั่นในระดับปริญญา จึงมีทางเลือกในการประกอบอาชีพที่หลากหลาย และเป็นที่ต้องการตัวของตลาดแรงงานเป็นอย่างมาก
ศิษย์เก่าส่วนใหญ่มักออกแบบและผลิตเสื้อผ้าขายภายใต้แบรนด์ของตัวเอง หรือทำงานเป็นนักออกแบบให้กับแบรนด์เสื้อผ้าต่างๆ รายได้เริ่มต้นของผู้จบสาขาวิชาแฟชั่นในประเทศอังกฤษอยู่ที่ 14,000-22,000 ปอนด์ต่อปี (ประมาณ 665,000-1,045,000 บาท)
นอกจากนี้ยังมีงานเกี่ยวกับแฟชั่นอีกมากมายที่บัณฑิตสามารถเลือกทำได้ โดยอาศัยความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดีไซน์และความสนใจในเรื่องเทรนด์ อย่างเช่น เป็นกองบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่น เป็นบล็อกเกอร์กูรูด้านแฟชั่น หรือทำงานด้านการตลาดให้กับสินค้าแฟชั่น เป็นต้น
หากไม่ต้องการทำงานประจำ บัณฑิตยังสามารถทำงานเป็นฟรีแลนซ์ ในบทบาทสไตลิสต์ นักเขียน และนักวาดภาพประกอบได้ หรือจะนำความรู้ทางด้านแฟชั่น ไปประยุกต์ใช้กับงานด้านอีคอมเมิร์ซ การขาย หรือการประชาสัมพันธ์ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
สาขาวิชาการแฟชั่นและการออกแบบสิ่งทอ กำหนดเกณฑ์การรับสมัครนักศึกษาไว้ค่อนข้างเข้มงวดมากกว่าสาขาวิชาอื่นพอสมควร ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัยก็จะมีเงื่อนไขแตกต่างกันออกไป
ในระดับปริญญาตรี ผู้สมัครจะต้องมีผลการเรียนระดับ 3 A-levels ขึ้นไป หรือเทียบเท่าสำหรับนักเรียนจากประเทศที่ใช้ระบบการศึกษาต่างจากประเทศอังกฤษ และนอกจากนี้ยังควรมีประสบการณ์ทางด้านแฟชั่นมาก่อนด้วย มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะกำหนดให้มีการสอบสัมภาษณ์ และขอดูพอร์ตโฟลิโอ เพื่อพิจารณาว่าศักยภาพของคุณเหมาะสมกับการเรียนการสอนในคอร์สนี้หรือไม่
ส่วนในระดับปริญญาโทก็มีกระบวนการรับสมัครที่ใกล้เคียงกัน ผู้สมัครจะต้องมีผลการเรียนอย่างน้อยระดับ 2:1 ขึ้นไป ในด้านที่เกี่ยวข้องกับศิลปะหรือแฟชั่น และต้องมีประสบการณ์การทำงานในอุตสาหกรรมแฟชั่น หรือตัวอย่างผลงานที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางด้านแฟชั่นประกอบด้วย
หลักสูตรพื้นฐานด้านแฟชั่นในระดับปริญญาตรีจะใช้เวลาเรียนประมาณ 3 ปี ส่วนหลักสูตรด้านแฟชั่นที่เฉพาะทางมากขึ้นในระดับปริญญาโท ผู้ที่เรียนเต็มเวลาจะใช้เวลาเรียน 1 ปี และหากต้องการเรียนจนถึงระดับปริญญาเอก จะใช้เวลาประมาณ 3 ปี
หากต้องการเรียนในประเทศอังกฤษ ผู้มาจากประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก จะต้องสอบ IELTS ได้อย่างน้อย 6.0 คะแนนขึ้นไป ก่อนเริ่มคอร์ส
ในการเรียนด้านแฟชั่นและการออกแบบสิ่งทอ สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาคือขอบเขตความสนใจของคุณ เมื่อเลือกคอร์สแล้วคุณจะเรียนเป็นเวลาอย่างน้อย 1-3 ปี ไม่ว่าคุณต้องการจะเรียนเรื่องประวัติศาสตร์แฟชั่น และวารสารศาสตร์ หรือการสร้างสรรค์ภาพประกอบและการดีไซน์ ก็มีหลักสูตรให้เลือกเป็นจำนวนมาก แต่ละหลักสูตรจะเน้นให้ความสำคัญกับเนื้อหาต่างๆ ไม่เท่ากัน คุณจึงควรเลือกหลักสูตรให้ตรงกับความต้องการของตัวเองมากที่สุด
สำหรับหลักสูตรแฟชั่น สถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยจะส่งผลต่อการทำงานในอนาคตของคุณเป็นอย่างมาก นอกจากคำถึงสภาพแวดล้อมที่คุณจะอยู่ได้อย่างมีความสุขแล้ว คุณยังต้องสนใจเรื่องประสบการณ์ที่จะได้รับในระหว่างการศึกษาด้วย คุณควรเลือกเมืองที่โด่งดังในด้านศิลปะและมีการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมแฟชั่น เพราะนอกจากจะมีหลักสูตรน่าสนใจให้เลือกเยอะแล้ว คุณยังจะมีโอกาสได้เปิดประสบการณ์เกี่ยวกับแฟชั่นนอกห้องเรียนอีกด้วย
สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนยื่นใบสมัครคือ ค่าธรรมเนียมการศึกษาและเกรดของคุณ มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านแฟชั่น อย่างเช่น London College of Fashion กำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำในระดับปริญญาตรีไว้ว่า ผู้สมัครจะต้องสอบผ่าน 3 A-levels ขึ้นไปหรือเทียบเท่าในเกรดที่สูงพอสมควร และปริญญาโทจะต้องสอบผ่านด้วยระดับคะแนน 2:1 ขึ้นไป อย่าลืมตรวจเช็คให้แน่ใจว่า เกรดของคุณผ่านเกณฑ์ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
และหากมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ควรมองหามหาวิทยาลัยที่มีทุนสนับสนุนแก่นักศึกษาขาดแคลนเอาไว้เป็นทางเลือกหนึ่งด้วย