
ปีใหม่แล้วค่าทุกคนน! Miss Detective Diva ขออวยพรให้ปีนี้ซิสทุกคนมีแต่ความสุข ความเจริญ คิดอะไรก็สมปรารถนานะคะ! ปีนี้ขอประเดิมด้วยเรื่องความเปลี่ยนแปลง (เข้ากระแสปีใหม่ อิอิ) แต่ละความเปลี่ยนแปลงก็จะนำผลกระทบมาให้เนาะ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบด้านบวกหรือด้านลบก็ต่างสอนให้เราเรียนรู้ทั้งนั้น วันนี้มิสเลยเจาะจงสืบไปที่ ‘การไปเรียนต่อนอก’ จะทำให้แต่ละคนพบสัจธรรมยังไงกันบ้าง
ปฏิเสธไม่ได้เลยนะว่าการไปเรียนหรือไปใช้ชีวิตเมืองนอกจะทำให้คนคนนึงเปลี่ยนตัวเองได้เลย หลายคนเข้าใจตัวเองมากขึ้น รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ขณะที่เข้าใจคุณค่าของเงินมากขึ้น ทำงานและคิดหนักกว่าเดิมเมื่อต้องจ่ายเงิน ส่วนบางคนเข้าใจวัฒนธรรมที่แตกต่างมากขึ้น จนเปลี่ยนนิสัยไปเลยก็มี อย่างการตรงต่อเวลา ส่วนบางคนก็รู้ว่าคุณภาพชีวิตดีกว่าที่เป็นอยู่ได้เพราะไปอยู่นอกนี่แหละ
มิสขอเริ่มจากกระทู้นี้เลย รีวิว : เรียนภาษาที่ออสเตรเลีย 6เดือน มันได้อะไรกลับมา.. ของคุณ ปาโปย ปาโปย ที่ตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย โดยจขกท. ไปทั้งทำงาน เรียน เที่ยว มิสขอนำส่วนที่คัดสรรมาแล้วว่าความคิดจขกท. เปลี่ยนไปยังไงบ้างมาให้อ่านกันค่ะ
อยากเล่าเรื่องเวลา เพราะฝรั่งเค้าให้ความสำคัญกับเวลามาก ทุกอย่างที่นี่จะเป็น timetable อย่าง transportation (ของBrisbaneจะใช้ translink) ตั้งแต่ train/bus คือมีเป็นตารางเดินรถให้ดูอาจจะเลทบ้าง แต่ส่วนใหญ่มันจะเป๊ะๆ บางสายที่ออกไปนอกๆเมือง รถอาจจะมาแค่ชั่วโมงละคัน ตกรถคือรอไปฟรีๆเลยชั่วโมงนึงประมาณนี้ค่ะ การทำงานก็เช่นกัน บางที่ก็จะจ่ายเงินให้เด็กเป็นชั่วโมง ก็จะนับตามชั่วโมงที่ทำงานไปเลย
อีกกระทู้ที่คล้ายๆ กันก็คือ รีวิวประสบการณ์ใน Auckland, New Zealand จากคนที่อยู่ที่นี่มา 9 เดือน ของ สมาชิกหมายเลข 992228
การเดินทางในโอ๊คแลนด์สะดวกสบายมากค่ะ มีรถบัสหลายสายให้บริการ แต่การใช้บริการรถบัสที่นี่มีตารางเวลาชัดเจนต่างจากบ้านเรา จะไปขึ้นรถต้องเช็กเวลาให้ดี ๆ แม้ความเที่ยงตรงจะไม่เต็มร้อย แต่ก็ชัดเจนกว่าที่ไทยเยอะ เพราะที่ป้ายรถจะมีป้ายบอกว่ารถบัสจะมาถึงป้ายตอนไหน อยู่ห่างไปกี่ป้าย เที่ยวต่อไปจะมาเมื่อไร มีแอพในมือถือด้วยแต่เราไม่ค่อยชอบใช้เพราะไม่เที่ยงตรง แต่มันเช็กได้ว่ารถอยู่ตรงไหนแล้ว บอกเส้นทางไปป้ายรถบัสและที่หมายพร้อม เพียงแต่เรารู้สึกว่ามันไม่เคยมาตรงเวลาที่บอกในแอพเลย ก็เลยไม่ชอบแอพค่ะ [...] นอกจากรถบัสก็มีรถไฟด้วยค่ะ ใช้บัตรเดียวกับรถบัสได้เลยด้วย ส่วนตัวยังไม่เคยขึ้นรถไฟเลยค่ะ ยังไม่มีโอกาสเลย เคยแต่เดินเข้าไปส่องในสถานี แต่ดูดีมาก ๆ ค่ะ คนที่นี่ก็ใช้รถไฟกันเยอะไม่แพ้รถบัสค่ะ
อันนี้มิสคัดมาสั้นๆ ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น มิสขอสรุปข้อคิดหลักของคุณปาโปย ปาโปย และจขกท. 992228 อธิบายไว้เลยก็คือ เรื่องเวลา ที่เมืองนอกไม่ว่าจะประเทศอะไรก็ตาม ค่อนข้างจริงจังกับเรื่องเวลามาก การมาสายเป็นเรื่องที่รับไม่ได้สุดๆ ดังนั้นทุกคนที่ไปใช้ชีวิตในต่างประเทศก็ต้องปรับตัวเรื่องเวลาให้ได้ เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่า sense of time ของคนไทยค่อนข้างช้านิสสสนึง
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความสะดวกสบายของระบบสาธารณะ ที่ครอบคลุม หรือ inclusive อีก ทำให้การเดินทางต่างๆ ง่ายขึ้นจ้ะ เห็นแล้วก็อยากให้บ้านเรามีบ้างเลยค่ะซิส เมื่อไหร่คนตาดำๆ อย่างเราจะได้รับการปฏิบัติสมเป็นประชาชนที่เสียภาษีบ้างน้า
เริ่มจากกระทู้นี้ ซึ่งจะออกแนวนามธรรมหน่อย ไปเรียนต่างประเทศลำบากมากมั้ยคะ ที่คุณสมาชิกหมายเลข 1360071 ได้คอมเม้นท์ไว้ โดยเล่าถึงช่วงเวลาที่ไปเรียนที่ต่างประเทศ พร้อมทำงานล้างจานที่ร้านอาหารไทยไปด้วย ชีวิตวนเวียนอยู่กับการทำงาน (ที่มีอะไรให้ทำก็ทำหมด) และการเรียน ทำงานได้เงินค่าแรงขั้นต่ำเป็นปีก็สามารถหลุดจากวงจรร้านอาหารและไปได้งานที่ดีกว่าได้
ผมจะบอกอะไรคุณสองสามอย่าง เรื่องเรียนน่ะสำคัญแต่ไม่ที่สุด ที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนาบุคลิกภาพของคุณ ความเป็นคนของคุณ
คุณเป็นคนยังไง? สิ่งนี้ต่างหากเป็นตัวกำหนดอนาคตของคุณ ไม่ใช่เกรด หรือสถาบันการศึกษาอะไรหรอก ... ออกไปเจอโลกกว้าง ไปกัดฟันสู้กับอะไรบางอย่าง ผูกมิตรกับคนแปลกหน้า ทบทวนความคิดขัดเกลาการตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ให้คุณเป็นคนที่เข้ากับคนได้ทุกผู้ ให้คุณรู้จักความลำบาก คุณต้องโดนหักหลัง โดนทรยศเสียบ้าง
วันหนึ่งอะไรๆจะเข้าที่เข้าทางขึ้นมาเอง และคุณจะไม่รู้สึกหลงทาง ไม่ลังเลว่าคุณทำอะไรอยู่ ไม่รู้สึกถึงความไร้แก่นสารของงานที่คุณทำ คุณรู้ไหมว่ามีคนมากมายดีพร้อมทุกอย่างทั้งเงินทองการงานและครอบครัวที่ดี แต่เต็มไปด้วยความว่างเปล่าในจิตใจ
แต่ถ้าคุณสร้างทุกสิ่งขึ้นมาด้วยมือของคุณเอง คุณจะไม่เป็นอย่างนั้น คุณจะมีความสุข เพราะคุณรู้แล้วว่าความทุกข์เป็นยังไง
หรือของคุณชึ้บชึ้บ ที่เข้ามาคอมเม้นได้กระทู้ มีวิธีข้ามผ่านการเปลี่ยนแปลงของชีวิตในแต่ละช่วงยังไงกันบ้างคะ??
ของเราตอนเข้าวัย 30 ย้ายมาต่างประเทศ ชีวิตพลิกค่ะ
จากสบายๆ มีรถ มีบ้านอยู่ ต้องมาเริ่มใหม่หมดทุกอย่าง
คิดไว้อย่างเดียวคือต้องสู้ค่ะ ต้องเอาชนะอุปสรรคให้ได้
ถามว่าเหนื่อยมั้ย เหนื่อยค่ะ เครียดด้วย แต่ก็ให้เวลาตัวเองลองพยายามดู
ถ้าพยายามแล้วไม่สำเร็จก็ช่างมันค่ะ พักก่อนแล้วถ้ายังอยากพยายามอีกค่อยลองใหม่
มิสชอบมากกับสิ่งที่คุณสมาชิกทั้ง 2 คนบอก บางอย่างเราจะไม่มีวันได้ลิ้มรสชาติเลยถ้าเรายังอยู่ที่เดิม ไม่ออกจาก comfort zone ไม่กล้าลงมือทำ ไม่กล้าลำบาก การไปอยู่เมืองนอกเมืองนาคนเดียวมันยากอยู่แล้วแต่มันจะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นแน่นอน และเชื่อมิสเถอะว่าทุกที่จะมาที่ทางให้กับคนขยันเสมอ
ขอให้ทุกคนสู้นะคะ
สืบประสบการณ์จริง เรียนจบนอก หางานง่ายหรือยากขึ้นกันแน่?
ONCE IN A LIFE TIME: ประสบการณ์จริงฝึกงาน ณ ต่างแดน!