
Times Higher Education ตัวแม่การจัดอันดับมหาวิทยาลัยในระดับโลกได้เผยอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกปีล่าสุดออกมาแล้ว จะมีที่ไหนบ้าง มาดูกันเลย
ปีนี้ก็เป็นอีกปีที่การแข่งขันเข้มข้นกันเหลือเกิน และในคราวนี้สองมหาวิทยาลัยจากสหราชอาณาจักรก็ติดอันดับท๊อป 3 กันไปสวยๆ โดยครองอันดับที่ 1 และ 3 ส่วนอันดับที่ 2 ตกเป็นของมหาวิทยาลัยจากอเมริกาค่ะ
อันดับของปี 2020 ที่ได้มีการเผยแพร่ออกมาเมื่อวันเดือนกันยายน ปี 2019 ที่ผ่านมานี้เอง และผลก็ออกมาว่า University of Oxford ก็คว้าแชมป๋ไปอีกเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ในขณะที่คู่แข่งตลอดกาลอย่าง University of Cambridge ปีนี้ตกจากอันดับที่ 2 ไปอยู่ที่ 3 ส่วนมหาวิทยาลัยที่มาแทนก็ไม่ใช่ใครที่ไหน California Institute of Technology (Caltech) นั่นเองค่ะ ส่วนมหาวิทยาลัยระดับหัวกะทิอื่นๆ อย่าง Stanford, Yale, Imperial College London และ Harvard ก็ยังติดท๊อป 10 อยู่เช่นเคยค่ะ
แชมป์เปี้ยนที่เริ่มวิ่งช้าลง
ถึงแม้แชมป์จะตกเป็นของมหาวิทยาลัยจากสหราชอาณาจักร แต่โดยภาพรวมแล้วจะเห็นได้ว่าสหรัฐอเมริกามีมหาวิทยาลัยติดท๊อป 100 อยู่เยอะมาก ถ้าเทียบกันชอตต่อชอตก็คือ มหาวิทยาลัยจากสหราชอาณาจักรมีอยู่เพียง 11 แห่ง เทียบกับ 40 แห่งจากสหรัฐอเมริกาที่อยู่ใน 100 อันดับแรกนั่นเองค่ะ
ฟังดูเหมือนกับว่าทั่วโลกจะแข่งกันอยู่แค่สหราชอาณาจักรกับสหรัฐอเมริกาใช่ไหมคะ แต่เรื่องจริงที่ฟังแล้วอาจจะช๊อคก็คือ จากสถิติ 5 ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าอันดับของมหาวิทยาลัยจากสองประเทศนี้กำลังตกลงอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าตกช้าๆ แต่ตกเรื่อยๆ เลยล่ะค่ะ อย่างของสหรัฐอเมริกาเนี่ย จากที่เคยมีมหาวิทยาลัยมากถึง 63 แห่งติดอยู่ใน 200 อันดับแรกในปี 2016 มาปีนี้ก็ลดลงเหลือแค่ 60 แห่ง ส่วนของสหราชอาณาจักรนี่ตกหนักยิ่งกว่า เพราะเมื่อ 4 ปีที่แล้วยังมีมหาวิทยาลัยติดอยู่ในท๊อป 200 ตั้ง 34 แห่ง แต่ปีนี้ลดลงเหลือ 28 แห่งเท่านั้นเอง
คู่แข่งที่น่าสนใจ
ปีนี้มีหลายประเทศที่เรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวเพิ่มเข้ามาค่ะ เพราะมหาวิทยาลัยดีๆ ในประเทศเหล่านี้ต่างก็พากันปรับปรุงข้อด้อยของตัวเอง และเสริมกำลังในด้านดีๆ ทำให้คะแนนโดยรวมเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว
เริ่มกันที่ประเทศจากแถบเอเชียกันก่อน นั่นก็คือจีนแผ่นดินใหญ่นั่นเอง มหาวิทยาลัยจากประเทศจีนเริ่มเข้ามาร่วมอยู่ในอันดับต้นๆ บ้างแล้วค่ะ โดยมหาวิทยาลัย Tsinghua ได้ที่ 23 (แถมยังเป็นที่หนึ่งของเอเชียด้วยนะ) และ Peking ก็ได้ที่ 24 ตามกันมาติดๆ เลย
เราได้เขียนการวิเคราะห์เรื่องการที่จีนไต่อันดับขึ้นมาเรื่อยๆ ไว้ในบทความ 10 อันดับมหาวิทยาลัยประเทศกำลังพัฒนาที่ดีที่สุดปี 2018 โดย THE สะท้อนให้เห็นอะไรบ้าง
อีกประเทศที่กำลังมาแรงไม่แพ้กันตอนนี้ก็เป็นของออสเตรเลียค่ะ นี่เค้าไต่อันดับขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง จากที่ปี 2016 มีเพียง 8 มหาวิทยาลัยเท่านั้นที่ติด 200 อันดับแรก ปีที่แล้วเค้าก็ทำได้ 9 มหาวิทยาลัย ส่วนปีนี้ฟาดไป 11 มหาวิทยาลัยเลยค่ะ
ย้ายมาดูในยุโรปกันบ้าง ณ ตอนนี้คงต้องยกให้ประเทศเยอรมันที่กำลังมาแรงสุดๆ อย่างปีนี้ก็มีมหาวิทยาลัยติดอันดับท๊อป 200 มากถึง 23 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปี 2016 ที่มี 20 แห่ง นอกจากนี้คะแนนโดยรวมของมหาวิทยาลัยก็เพิ่มขึ้นจาก 58.9 มาเป็น 60.8 เลยด้วย
ส่วนประเทศอื่นอย่างเดนมาร์กก็ดีไม่แพ้กันค่ะ เพราะมหาวิทยาลัยเด่นๆ ของเค้า เช่น Copenhagen ก็กลับเข้ามาสู่ 100 อันดับแรกอย่างสวยงาม หรืออย่าง Aarhus ก็ดีดขึ้นมาอยู่ที่ 115 (เพิ่มขึ้นมาตั้ง 8 อันดับแน่ะ)
อีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจของปีนี้ก็คือ มีอีกหลายประเทศที่ติดโผในนี้เป็นครั้งแรก เช่น บรูไน คิวบา มัลต้า และเวียดนามค่ะ
ตารางของปี 2020
Rank | Name | Country |
1 | University of Oxford | UK |
2 | California Institute of Technology | US |
3 | University of Cambridge | UK |
4 | Stanford University | US |
5 | Massachusetts Institute of Technology | US |
6 | Princeton University | US |
7 | Harvard University | US |
8 | Yale University | US |
9 | University of Chicago | US |
10 | Imperial College London | UK |
11 | University of Pennsylvania | US |
12 | Johns Hopkins University | US |
13 | University of California | US |
13 | ETH Zurich | Switzerland |
15 | UCL | UK |
16 | Columbia University | US |
17 | University of California, Los Angeles | US |
18 | University of Toronto | Canada |
19 | Cornell University | US |
20 | Duke University | US |
21 | University of Michigan-Ann Arbor | US |
22 | Northwestern University | US |
23 | Tsinghua University | China |
24 | Peking University | China |
25 | National University of Singapore | Singapore |
26 | University of Washington | US |
27 | Carnegie Mellon University | US |
27 | London School of Economics and Political Science | UK |
29 | New York University | US |
30 | University of Edinburgh | UK |
31 | University of California, San Diego | US |
32 | LMU Munich | Germany |
32 | University of Melbourne | Australia |
34 | University of British Columbia | Canada |
35 | University of Hong Kong | Hong Kong |
36 | King’s College London | UK |
36 | The University of Tokyo | Japan |
38 | École Polytechnique Fédérale de Lausanne | Switzerland |
38 | Georgia Institute of Technology | US |
38 | University of Texas at Austin | US |
41 | Karolinska Institute | Sweden |
42 | McGill University | Canada |
43 | Technical University of Munich | Germany |
44 | Heidelberg University | Germany |
45 | KU LeuvenBelgium | Belgium |
45 | Paris Sciences et Lettres – PSL Research University Paris | France |
47 | The Hong Kong University of Science and Technology | Hong Kong |
48 | University of Illinois at Urbana-Champaign | US |
48 | Nanyang Technological University | Singapore |
50 | Australian National University | Australia |
DIVERSITY สำคัญอย่างไร มาดูอันดับมหาวิทยาลัยทั่วโลกที่มีความหลากหลายมากที่สุด คนไทยอยู่ที่ไหนกันบ้าง