
วันก่อนน้องจินต์นั่งไถเฟซบุ๊คอยู่ดีๆ ก็มีโพสต์ในเฟซบุ๊คเตือนขึ้นมาว่าวันนี้ เมื่อ 11 ปีที่แล้ว น้องจินต์โพสต์กรี๊ดกร๊าดเรื่องที่จะไปเรียนที่อังกฤษ โอ๊ว แม่จ๋า.. นี่นานกว่า 10 ปีแล้วเด้อ วันนี้น้องจินต์เลยอยากมาเล่าให้ฟังเพลินๆ ว่าทำไมน้องจินต์ถึงเลือกเรียนสถาบันในลอนดอน และมีตัวเลือกอะไรยังไงบ้าง และทำไม๊ทำไมถึงมาลงเอยที่นี่ ตามไปดูกันค่ะ
สมัครเข้าไป ยังไงก็ต้องได้ซักที่
เริ่มจากตอนที่สมัคร น้องจินต์ก็เลือกที่คอร์สและชื่อเสียงมหาวิทยาลัยเป็นหลักค่ะ โจทย์ของน้องจินต์คืออยากได้เมืองที่คึกคักหน่อย จะได้ไม่เหงามาก และอยากได้มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง อันดับดี มีคนรู้จักเยอะ เพราะน่าจะช่วยเรื่องการหางานหลังเรียนจบได้มาก พอได้เกณฑ์แบบนี้ น้องจินต์ก็ไปลิสต์มาเลยค่ะ เมืองที่อยากไป ซึ่งก็ได้แก่ London, Manchester, Leeds, Bournemouth, Southampton, Glasgow และก็ไล่ไปที่เมืองที่อยู่ใกล้เคียง จากนั้นก็… ลงมือสมัครค่ะ และนอกจากมหาวิทยาลัยที่เล็งๆไว้แล้ว น้องจินต์ก็สมัครไปที่อื่นๆด้วย เรียกได้ว่าตอนนั้นสมัครมันทุกวัน วันละหลายที่เลยค่ะ กะว่ายังไงก็ต้องได้ซักที่ และแล้ว.. ก็ได้จริงๆด้วย!
Offer มา ได้เวลาเลือก
หลังสมัครไปแล้ว น้องจินต์ก็นั่งรอ นอนรอไปเรื่อย ไม่กี่อาทิตย์ผ่านไป แต่ละที่ก็ทยอยตอบรับกลับมาค่ะ อ่ะ.. และแน่นอนว่าไม่ใช่ว่าได้ทุกที่ค่ะ มีทั้ง Unconditional Offer, Conditional Offer และ Reject เรียกว่ามากันครบเลยจ้ะพี่จ๋า พอตอนนี้ก็ได้เวลาเลือกละค่ะ แหม่.. น้องจินต์รู้สึกตัวเองสวยมงลงขึ้นมาทันที เพราะต้องมีการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง และปฎิเสธผู้.. เอ๊ย มหาวิทยาลัยที่ไม่เข้าตาด้วยค่ะ
เลือกยังไง ให้ได้ให้โดน
น้องจินต์มีหลักการเลือกในใจไม่มาก แต่หลักๆก็คือมีกฎในใจตามนี้ค่ะ
-
ชื่อเสียงมหาวิทยาลัย อันนี้เป็นหนึ่งในเกณฑ์แรกๆที่น้องจินต์พิจารณาเลยค่ะ เพราะตั้งใจอยากได้มหาวิทยาลัยที่มีชื่อหน่อย โดยที่ตอนนี้น้องจินต์ยังไม่ได้ดูรายละเอียดอื่นๆนะคะ แต่อาศัย search ดูอันดับ ranking จากหลายๆที่เอา และก็มานั่งเรียงอันดับจากที่ดังที่สุดไปถึงที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักค่ะ ตอนนั้นคือได้มาประมาณ 8 ที่ ก็เรียงกันไปเลยค่ะ
-
ตัวคอร์ส พอเรียงอันดับมหาวิทยาลัยได้แล้ว ตอนนี้ก็มาเจาะลึกถึงตัวคอร์สค่ะ น้องจินต์ไล่ดู Modules ของแต่ละคอร์สเลยว่ามีอันไหนที่น่าสนใจมาก ตัวเลือกของน้องจินต์ตอนนั้นคืออยากได้ International Marketing เพราะสามารถมาประยุกต์ใช้ในหลายๆประเทศได้ค่ะ ฮั่นแน่.. พอมีกฎนี้เข้ามา ก็เริ่มเห็นละค่ะว่าที่ไหนเน้น International Marketing บ้าง ก็ตัดไปได้อีก
-
รายละเอียดของ Offer ถึงแม้จะได้ Offer มาหลายที่ แต่หลายๆที่ก็เป็นแบบ Conditional Offer ซึ่งก็ต้องไปเรียนภาษาก่อน 1-4เดือน แล้วแต่ที่เค้ากำหนดมา น้องจินต์ก็นั่งดูว่าที่ไหนใช้เวลาเท่าไหร่ ที่ไหนต้องใช้เวลานานเกินไป น้องจินต์ก็แอบไม่สะดวก ก็ตัดไปได้เลยค่ะ ถึงตอนนี้ น้องจินต์ตัดเหลือประมาณ 4 ที่ค่ะ
-
ตัวเมือง มาถึงปราการอีกหนึ่งด่านของน้องจินต์ ซึ่งนั่นก็คือตัวเมืองนั่นเองค่ะ เพราะตอนนี้หลายๆที่ที่น้องจินต์เลือกมาดีเด่นเหมือนกันหมด และก็เหลือเข้าตาอยู่ 4 ที่ ได้แก่ Manchester, Leeds, King’s College และ Kingston ทั้งหมดนี้เป็นเมืองใหญ่ คึกคัก นักศึกษาอยู่เยอะ คอร์สดี เป็นที่รู้จัก เอาล่ะสิ.. ทีนี้น้องจินต์ก็ต้องมาเลือกตัวเมืองละค่ะ สุดท้าย น้องจินต์ก็มาลงเอยที่ลอนดอน เพราะเป็นเมืองหลวง น่าจะเป็นแหล่งที่โดดเด่นด้านธุรกิจและมาร์เก็ตติ้งในทุกด้าน ตอนนี้ตัวเลือกเลยเหลือ King’s College กับ Kingston University ค่ะ
อยากเก็บเธอเอาไว้ทั้งสองคน แต่ต้องเลือกหนึ่งที่จนได้
จาก 2 ตัวเลือกสุดท้ายที่น้องจินต์เล็งไว้ ต้องบอกเลยว่าน้องจินต์ชอบทั้งคู่มากๆเลยค่ะ เพราะอันดับดี อยู่ในลอนดอน เดินทางสะดวก เป็นที่รู้จักทั้งในไทยและต่างประเทศ เรียกได้ว่าตัดใจไม่ลงกันเลยทีเดียว แต่สุดท้าย น้องจินต์ก็เลือกที่จะดูที่ตัวคอร์สอีกครั้งค่ะ ที่น่าแปลกคือ ในตอนนั้น King’s College เพิ่งเปิดคณะ International Marketing มาใหม่ๆสดๆร้อนๆ หลายๆคนอาจจะคิดว่าเลือก Kingston University น่าจะดีกว่า เพราะคอร์สนี้ก่อตั้งมานานแล้ว ทุกอย่างน่าจะลงตัว แต่.. น้องจินต์กลับมองว่า เพราะความที่คอร์สของ King’s College เปิดใหม่ของเค้า และการที่มหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างนี้ตัดสินใจมาเปิดคอร์สมาร์เก็ตติ้ง ก็น่าจะมีอะไรที่แปลกใหม่และน่าสนใจไม่แพ้ที่อื่น สุดท้ายถ้าคอร์สไม่ดี อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่าครั้งนึงเคยเป็นนักศึกษารุ่นแรกๆของคอร์สนี้ น่าจะได้อะไร ไม่มากก็น้อย คิดได้อย่างนั้น น้องจินต์ก็มาลงเอยที่ King’s College คณะ MSc International Marketing นี่ล่ะค่า
สุดท้ายท้ายที่สุด กฎการเลือกมหาวิทยาลัยของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป ยังไงน้องจินต์ก็ขอให้น้องๆที่อ่านอยู่ ได้คณะ ได้คอร์สที่อยากได้ตามที่หวังนะคะ