เชื่อว่าสาวๆ หลายคนต้องเคยมีฝันอยากเป็นนางพยาบาลกันบ้างแหละ อย่างใส่ชุดสีขาวๆ วางมาดเป็นนางเอกดูแลผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือ แต่ก็นะความฝันกับความจริงมันก็ไม่ได้เหมือนกันเสมอไป เพราะการทำอาชีพพยาบาลในประเทศเรา ก็ยังนับว่าหนักและได้รับผลตอบแทนที่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากทำงานในโรงพยาบาลรัฐ เพราะนอกจากจะมีผู้ป่วยเยอะแล้ว จำนวนพยาบาลก็มีสัดส่วนน้อยแบบไม่ต้องคิดเยอะเลย วันนี้บรรณาธิการ Lilya เลยอยากมาให้ความรู้เกี่ยวกับหลักสูตรพยาบาลในประเทศอังกฤษและนอกราชอาณาจักรเอาไว้เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่อยากไปทำงานเป็นพยาบาลในต่างประเทศ ซึ่งต้องขอกระซิบบอกก่อนเลยว่า พยาบาลเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่คนต้องการสูงมาก เพราะเป็นศาสตร์ที่เฉพาะทางสุดๆ ไปดูกันเลยดีกว่าว่ารายละเอียดสำหรับการเรียนต่อพยาบาลในเมืองนอกจะเป็นยังไงบ้าง
ใครที่เหมาะกับการเรียนพยาบาล
หากคุณเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียว มีจุดเดือดง่ายๆ อาจจะพักความคิดการประกอบอาชีพพยาบาลไปสักพัก เพราะอาชีพสายนี้เป็นอาชีพที่ต้องใช้ความอดทนทางด้านอารมณ์ที่สูง ทั้งยังต้องมีอัธยาศัยและจิตใจดี เพราะพยาบาลก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่หลีกเลี่ยงการพบเจอผู้คนไม่ได้ แต่ที่สำคัญที่สุด คือจะต้องมีมนุษยธรรมและสนใจทางด้านการแพทย์ วิทยาศาสตร์และร่างกานมนุษย์ (เพราะถ้าเกลียดวิชาพวกนี้ ก็คงทรมานน่าดูถ้าต้องมาเรียนจริงๆ ถ้าใครรู้ตัวว่ามีคุณสมบัติครบตามที่ว่า ก็อ่านต่อกันได้เลยค่ะ
รายละเอียดของหลักสูตร
หลักสูตรการเรียนการสอนคณะพยาบาลมีความหลากหลายมากๆ ด้วยตำแหน่งอาชีพของโรงพยาบาลแต่ละแห่งที่แยกย่อยไปตามด้านเฉพาะทางต่างๆ ดังนั้นวุฒิการศึกษาที่กำหนด ก็ขึ้นอยู่กับตัวหลักสูตรและสายอาชีพที่จะเรียน บางที่อาจจะออกประกาศนียบัตร (Diploma) สำหรับทำงานในโรงพยาบาลภายใต้การดูแลของพยาบาลวิชาชีพได้ หลักสูตรอนุปริญญาโดยปกติจะใช้เวลา 1 – 2 ปี ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยและยังสามารถใช้เป็นก้าวแรกในการก้าวสู่อาชีพในด้านนี้
ส่วน หลักสูตรพยาบาล ระดับปริญญาตรี โดยปกติจะใช้เวลาเรียนอยู่ที่ 3 ปี และเมื่อสำเร็จการศึกษาจะสามารถสมัครเข้าทำงานในโรงพยาบาลในหลายๆ ตำแหน่งได้ อีกทั้งยังสามารถขอใบประกอบโรคศิลป์สำหรับพยาบาลได้ด้วยนะ สำหรับหลักสูตรปริญญาตรี ขณะที่เรียนอยู่ก็จะมีหลักสูตรเฉพาะทางให้เลือกแยกย่อยออกไปตามนี้เลย
-
การพยาบาลผู้ใหญ่
-
การพยาบาลสุขภาพจิต
-
สุขภาพของเด็ก
-
การบกพร่องทางการเรียนรู้
นักศึกษาจะได้เรียนกายวิภาคพื้นฐาน จิตวิทยา ชีวเคมี และวิชาทางด้านวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับด้านการแพทย์ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิชาเฉพาะทาง หลายหลักสูตรเขาก็จะมีการสอน “ความเป็นมนุษย์” พอเห็นแบบนี้อาจจะรู้สึกสงสัยว่า แล้วทุกวันนี้เราไม่ใช่มนุษย์หรอ ทำไมยังจะต้องเรียนความเป็นมนุษย์อีก แต่สำหรับคนที่จะมาเป็นพยาบาลหรือทำงานในสายสุขภาพ เจ้าความเป็นมนุษย์นี่แหละที่เป็นรากฐานที่ทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมมนุษย์และวิธีสื่อสารกับผู้คน ซึ่งเป็นทักษะสำคัญมากๆ ในหลักสูตรพยาบาล
ช่วงปีสุดท้ายของหลักสูตร หลังจากตรากตรำเรียนวิชาทั้งภาคปฎิบัติและทฤษฎี ในหลายๆ มหาวิทยาลัยของหลักสูตรพยาบาลก็จะเปิดโอกาสให้คุณได้ลองลงสนามจริง พูดง่ายๆ คือลงไปประจำฝึกงานในโรงพยาบาลท้องถิ่น ในบางมหาวิทยาลัย ไม่เข้าฝึกงาน ก็เรียนไม่จบนะจ้ะ
เกณฑ์การรับเข้าเรียน
อย่างที่บอกไปว่าทักษะสำคัญของคนเป็นพยาบาลคือการสื่อสาร ดังนั้นการจะไปทำงานนอกประเทศอย่างอังกฤษ ก็จำเป็นต้องได้คะแนนภาษาอย่างน้อยๆ ที่ 6.5 หรือมากกว่า บางที่อาจจะให้ส่งประวัติส่วนตัวเพื่อเข้ารับพิจารณาคัดเลือกกันด้วย รู้แบบนี้แล้วก็เริ่มเตรียมตัวสอบ IELTS ตั้งแต่วันนี้กันเถอะ Hotcourses Thailand ได้รวบรวมเว็บไซต์ตัวช่วยเพิ่มคะแนนเอาไว้ให้แล้วที่ลิงก์นี้จ้า
โอกาสในการทำงาน
ด้วยความที่เป็นสายอาชีพที่เป็นที่ต้องการมากๆ ผู้ที่เลือกเรียนพยาบาลก็จะหางานได้ง่ายมากๆ หลังเรียนจบเพราะใครๆ ก็ต้องการพยาบาลเข้าโรงพยาบาลกันทั้งนั้น เส้นทางทั่วไปหลังเรียนจบก็คือโรงพยาบาลหรือ NHS และคลินิคที่ต้องการรับสมัครเจ้าหน้าที่ทางสายสุขภาพ ตัว NHS หรือระบบดูแลสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษก็มักจะมีการสนับสนุนทุนการศึกษาทั้งแบบเต็มจำนวนและบางส่วนสำหรับเจ้าหน้าที่ปัจจุบันและผู้ที่คาดว่าจะมาร่วมงานในอนาคต
แต่หากใครไม่ได้ซีเรียสว่าต้องทำงานในโรงพยาบาลเท่านั้น ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก เพราะด้วยวุฒิและใบประกอบที่ได้มาหลังเรียนจบ ยังเป็นใบเบิกทางให้กับอีกหลายๆ เส้นทางน่าสนใจอย่างในหน่วยงานอาสาสมัคร เรือเดินสมุทร หน่วยงานทหาร มหาวิทยาลัย โรงเรียนและบ้านพักคนชราเป็นต้น
ตัวเลือกอื่นนอกเหนือจากประเทศอังกฤษ
ในประเทศอื่นก็มีคนไทยที่สนใจไปเรียนพยาบาลมากไม่แพ้กัน เช่นประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ระบบการศึกษาหรือการรับพยาบาลก็จะต่างออกไปเล็กน้อยแต่ก็มีส่วนที่เหมือนกันอยู่
สหรัฐอเมริกา: ถ้าอยากเป็นพยาบาลที่อเมริกาจะต้องได้รับการจดทะเบียนเป็น Registered Nurse หรือ RN ต้องผ่านการสอบ National Council Licensure Examination (NCLEX) หลังจากสำเร็จการศึกษา ผ่าน 2 ทางคือ
-
Associate degree หรือ ADN (เรียน 2 ปี+) เปิดสอนตาม Local college/ Community college จบออกมาสามารถสอบเพื่อเป็น RN ได้
-
Bachelor degree ไปเรียนมหาวิทยาลัยปริญญาตรี ค่าเทอมจะแพงกว่าแต่โอกาสด้านการงานการเงินก็อาจจะดีกว่า
ออสเตรเลีย: การไปเรียนพยาบาลในออสเตรเลียมีสองแบบคือ
-
ไปเรียนแบบวิชาชีพพยาบาลสองปี ได้รับการรับรองเป็นพยาบาลจาก Australian Health Practitioner Regulation Agency (AHPRA) และเทียบโอนหน่วยกิตต่อปริญญาตรี
-
มีพื้นพยาบาลอยู่แล้วจากไทยและไปเรียนต่อปริญญาโทเอา แต่ทั้งสองแบบถ้าจะทำงานเป็นพยาบาลที่ออสเตรเลียแล้วนอกจากจะผ่านเกณฑ์มาตรฐานพยาบาลแล้วจะต้องผ่านเกณฑ์ภาษาจากการสอบ IELTS ด้วย
สถาบันที่เปิดสอนสาขาพยาบาลพร้อมตัวเลือกหลักสูตรในต่างประเทศ
สรุป
พอจะเห็นข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับหลักสูตรพยาบาลที่ต่างประเทศไปแล้ว จะเห็นว่าจุดแข็งของการไปเรียนต่อและทำงานเป็นพยาบาลหลังเรียนจบคือเงินและโอกาสที่มากกว่า แต่สิ่งที่สำคัญและลืมไม่ได้เลยคือความสามารถด้านภาษาอังกฤษ เพราะการจะได้การรับรองไม่ว่าประเทศไหนๆ ก็ต้องการเมกชัวร์ว่าเรารู้ภาษาของบ้านเขาจริงๆ เพราะฉะนั้นอย่าทิ้งเรื่องภาษานะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
หากคุณกำลังมองหาหลักสูตรวิชาพยาบาล คุณสามารถตรวจสอบได้จาก รวมหลักสูตรของฮอทคอร์ส และดูที่การจัดอันดับของมหาวิทยาลัยในสาขาที่เพื่อนๆ สนใจเลือกเรียน
สำหรับใครที่สนใจจะอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตร ด้านการแพทย์ และ ชีวเวชศาสตร์ ได้ตามลิงก์ที่ให้ไว้เลยค่ะ
sources: กระทู้เริ่มต้นเรียนพยาบาลใหม่และทำงานที่เมืองนอก