เศรษฐศาสตร์ คือ การศึกษาเกี่ยวกับวิธีการควบคุมและกระจายทรัพยากรของมนุษย์ คำว่าเศรษฐศาสตร์ในภาษาอังกฤษคือ Economics มาจากคำว่า Oikonomia ในภาษากรีกโบราณ ซึ่งมีความหมายว่า การจัดระเบียบเรื่องในบ้าน และ การบริหารจัดการภาระหน้าที่ เดิมทีเศรษฐศาสตร์เป็นส่วนหนึ่งของสาขาวิชารัฐศาสตร์ ที่เพิ่งแยกออกมาเป็นวิชาของตัวเองช่วงปลายศตวรรษที่ 19
การศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ สามารถแบ่งตามเนื้อหาได้เป็น 2 สาขาหลักๆ คือ เศรษฐศาสตร์จุลภาคและเศรษฐศาสตร์มหาภาค โดยเศรษฐศาสตร์จุลภาคจะมุ่งเน้นศึกษากิจกรรมทางเศรษฐกิจในระดับบุคคล โครงสร้างของระบบเศรษฐกิจนั้นๆ และบุคคลหรือหน่วยงานสำคัญๆ ที่มีบทบาทเกี่ยวข้อง ส่วนเศรษฐศาสตร์มหภาค จะศึกษาเศรษฐกิจโดยรวมทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ
เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาที่น่าสนใจศึกษาอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยุคปัจจุบัน ที่มีการแข่งขันสูงและระบบเศรษฐกิจของแต่ละประเทศทั่วโลกต่างเชื่อมโยงถึงกัน บุคลากรที่มีความรู้เชิงลึกในด้านเศรษฐศาสตร์จึงยิ่งเป็นที่ต้องการตัวขององค์กรต่างๆ อย่างมาก
นักศึกษาส่วนใหญ่ที่ตัดสินใจเรียนสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ มักมีความสนใจทางด้านนี้อย่างจริงจัง รายได้เฉลี่ยเริ่มต้นของผู้จบสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ในประเทศอังกฤษอยู่ที่ 25,637 ปอนด์ต่อปี (ประมาณ 1,217,000 บาท) และบัณฑิตสามารถเลือกประกอบอาชีพได้หลากหลายมาก
นายจ้างจำนวนไม่น้อยต้องการบุคลากรที่มีความสามารถในวิชาเศรษฐศาสตร์ ศิษย์เก่าสาขาวิชานี้จึงสามารถหางานได้ค่อนข้างง่าย โดยส่วนใหญ่มักทำงานด้านการธนาคาร การเงิน การตลาด ผู้ดูแลระบบ หรือพนักงานขาย และยังสามารถศึกษาต่อในระดับการศึกษาที่สูงขึ้น เพื่อประกอบอาชีพเฉพาะทางอย่างเช่น งานด้านกฎหมายธุรกิจ
สำหรับผู้ที่จบเศรษฐศาสตร์ แต่ไม่ต้องการทำงานด้านธุรกิจและการเงิน ก็ยังสามารถทำงานเป็นนักวารสารศาสตร์หรือครูได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีบัณฑิตจำนวนมากที่สนใจทำงานในแวดวงการเมือง และทำงานเป็นผู้ช่วยวิจัยในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ
หลักสูตรเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ จะสอนทั้งเศรษฐศาสตร์มหภาคและเศรษฐศาสตร์จุลภาค โดยเนื้อหาหลักๆ จะครอบคลุมทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ทั้งหมดที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของการเรียนการสอน และนักศึกษาจะต้องเลือกเรียนวิชาเลือกอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อทำความเข้าใจว่านโยบายของรัฐบาล ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างไรบ้าง
ในระดับปริญญาตรี ผู้สมัครจะต้องมีผลการเรียนระดับ 3 A-levels ขึ้นไป หรือเทียบเท่าในวิชาที่เกี่ยวข้องอย่างเช่น เศรษฐศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และประวัติศาสตร์ จะช่วยให้ใบสมัครของคุณน่าสนใจยิ่งขึ้น ส่วนในระดับปริญญาโทผู้สมัครจะต้องมีผลการเรียนระดับ 2:1 ขึ้นไปก่อนเริ่มคอร์ส และผู้มาจากประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก จะต้องสอบ IELTS ได้อย่างน้อย 6.0-6.5 คะแนนขึ้นไป
ระยะเวลาในการเรียนจะขึ้นอยู่กับสถานที่เรียนและระดับการศึกษา หลักสูตรปริญญาตรีส่วนใหญ่จะใช้เวลาเรียนประมาณ 3 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยที่คุณเลือกด้วย โดยมากแล้วมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงจะขยายเวลาเรียนเพิ่งขึ้นอีก 1 ปี เพื่อส่งนักศึกษาไปเรียนต่อคอร์สพิเศษที่ต่างประเทศ หรือให้โอกาสนักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติงานจริงในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนหลักสูตรปริญญาที่สูงกว่าปริญญาตรีขึ้นจะใช้เวลาเรียนประมาณ 1-3 ปี
สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาคือสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัย คุณต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหลายปี จึงควรเลือกสถานที่ที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาตัวเองทั้งในด้านสังคมและวิชาการ การเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ และทำความรู้จักกับผู้คนที่หลากหลาย เป็นส่วนสำคัญมากในชีวิตนักศึกษา ประสบการณ์ที่ได้รับจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกอยู่เมืองใหญ่ที่คึกคักเต็มไปด้วยสีสัน หรือเมืองเล็กๆ อันเงียบสงบอบอุ่น ซึ่งคุณควรจะเลือกให้เหมาะกับบุคลิกของตัวเอง
คุณควรเลือกมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง และมีสายสัมพันธ์อันดีกับหน่วยงานด้านเศรษฐศาสตร์ บริษัทชั้นนำส่วนใหญ่ที่มีคอนเนคชั่นกับสถาบันการศึกษา มักเปิดโอกาสให้นักศึกษาสามารถเข้าไปฝึกงานกับบริษัทได้ และคัดเลือกบุคลากรเข้าทำงานโดยดูจากชื่อของมหาวิทยาลัยเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานด้านการธนาคารหรือการเงิน ประสบการณ์ฝึกงานที่ผ่านมาจะเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการรับคุณเข้าทำงาน
สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์มีหลักสูตรให้เลือกเรียนมากมาย แม้เนื้อหาหลักๆ ที่มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งสอนจะไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่ก็อาจมีรายละเอียดของเนื้อหาวิชาเฉพาะด้านที่แตกต่างกัน คุณควรมองหาสถานศึกษาที่มีหลักสูตรตรงกับความสนใจของตัวเองมากที่สุด เพื่อประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคต
ก่อนยื่นใบสมัครอย่าลืมตรวจเช็คข้อกำหนดในการรับเข้าศึกษา และความพร้อมทางด้านการเงินของตัวเอง คุณจะต้องมีเกรดและประสบการณ์ทำงานผ่านเกณฑ์ตามที่มหาวิทยาลัยตั้งไว้ และมีเงินมากพอสำหรับค่าธรรมเนียมการศึกษา รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ในชีวิตประจำวัน หากมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายควรมองหามหาวิทยาลัยที่มีทุนสนับสนุนแก่นักศึกษาขาดแคลนเอาไว้เป็นทางเลือกหนึ่งด้วย