เมื่อพูดถึงประเทศในยุโรปที่น่าสนใจสำหรับการศึกษาต่อ เยอรมนีมักเป็นประเทศที่นักศึกษาผู้แสวงหาความก้าวหน้าจากทั่วโลกนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ อยู่เสมอ หากสนใจข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนต่อเยอรมนี สามารถเข้าไปอ่านอย่างละเอียดได้ที่ Study in Germany ส่วนในบทความนี้ Hotcourses Thailand ขอหยิบ 5 อันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเยอรมนีประจำปี 2016 มาแนะนำให้รู้จักกันค่ะ
1. Ludwig Maximilian University of Munich (LMU)
ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1472 ปัจจุบันมีจำนวนนักศึกษามากเป็นอันดับสองของประเทศ และมีนักศึกษาต่างชาติราว 13% ของนักศึกษาทั้งหมด นับแต่ก่อตั้งมามีบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเคยได้รับรางวัลโนเบลรวมทั้งสิ้น 34 คน อีกทั้งยังมีนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงอีกหลายท่าน เช่น Otto Hahn, Max Planck และ Werner Heisenberg ทางมหาวิทยาลัยมุ่งเน้นพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18 และประสบความสำเร็จในการผลิตการวิจัยชั้นนำของโลกและนวัตกรรมหลายอย่างออกมาในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ต่อมาในปี ค.ศ. 2005 เมื่อมีการก่อตั้ง กลุ่ม German Universities Excellence Initiative หรือ กลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นเลิศของเยอรมัน ที่เทียบชั้นได้กับ Ivy League ของสหรัฐอเมริกา LMU Munich ก็ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของกลุ่มและได้รับเงินทุนสนับสนุนการศึกษาจากสถาบันต่างๆ มากมาย
2. Heidelberg University
ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1386 เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดในเยอรมนีที่ยังคงเปิดทำการสอนมาถึงปัจจุบัน หลักสูตรที่เปิดสอนมีกว่า 100 สาขาวิชา ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีไปจนถึงระดับสูงกว่าปริญญา นักศึกษาราว 20% ของที่นี่เป็นนักศึกษานานาชาติจากกว่า 130 ประเทศทั่วโลก โดยมากกว่า 1 ใน 3 ของนักศึกษาระดับปริญญาเอกเป็นนักศึกษาต่างชาติ มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีความโดดเด่นด้านการวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมมากเป็นพิเศษ จึงมีบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเคยได้รับรางวัลโนเบลมากถึง 56 คน และ 9 คนในจำนวนนั้นได้รับรางวัลขณะดำรงตำแหน่งที่มหาวิทยาลัย ศิษย์เก่าหลายคนจบไปเป็นนักการเมือง นักปรัชญา และนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง ตัวอย่างเช่น Max Weber นักเศรษฐศาสตร์การเมืองและนักสังคมวิทยาผู้ก่อตั้งวิชาสังคมวิทยาสมัยใหม่และรัฐประศาสนศาสตร์ และ Hannah Arendt นักปรัชญาที่มีชื่อเสียง
3. Humboldt University of Berlin
มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดในกรุงเบอร์ลินแห่งนี้มีระบบการศึกษาที่ดีเยี่ยม จนกลายเป็นแม่แบบด้านการศึกษาของมหาวิทยาลัยหลายแห่งในทวีปยุโรปและโลกตะวันตก หลักสูตรของที่นี่เน้นให้ความสำคัญกับทั้งการเรียนการสอนและการทำวิจัย มีบุคคลผู้ทรงอิทธิพลต่อประเทศเยอรมนีหลายคนเคยศึกษาหรือทำงานในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เช่น Marx and Engels, Walter Benjamin, Albert Einstein และ Max Planck อีกทั้งยังมีบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเคยได้รับรางวัลโนเบล 40 คน ส่วนใหญ่จะเป็นรางวัลสาขาฟิสิกส์ เคมี และการแพทย์ Humboldt University of Berlin มีความโดดเด่นในหลายสาขาวิชา โดยเฉพาะด้านศิลปะและมนุษยศาสตร์ ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกครั้งล่าสุดที่ผ่านมา คณะมนุษยศาสตร์ของที่นี่ได้คะแนนดีเลิศเป็นอันดับ 21 ของโลก ห้องสมุดของสถาบันเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1874 เป็นหนึ่งในห้องสมุดที่กว้างขวางที่สุดในประเทศ และมีหนังสือมากถึง 6.5 ล้านเล่ม รวมถึงนิตยสารและวารสารนับพันฉบับ
4. Technical University of Munich
มหาวิทยาลัยเทคนิคของรัฐบาลที่เน้นสอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เมื่อแรกเริ่มก่อตั้งมหาวิทยาลัยแห่งนี้มุ่งเน้นด้านวิศวกรรมศาสตร์เป็นพิเศษ และต่อมาก็ได้ขยายขอบเขตมาสู่สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ สังคมศาสตร์ การเกษตร การผลิตเบียร์และเทคโนโลยีอาหาร และการแพทย์ ปรัชญาการสอนของมหาวิทยาลัยจะเน้นไปที่การฝึกปฏิบัติและการพัฒนาผู้เรียนให้มีศักยภาพพร้อมเป็นผู้ประกอบการที่ดีในอนาคต สถาบันการศึกษาแห่งนี้มี 12 คณะและ 3 วิทยาเขตกระจายตัวอยู่รอบเมืองมิวนิก ตั้งแต่ปี 1927 ถึงปัจจุบันมีผู้เคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ เคมี และการแพทย์ รวม 13 คน ที่เป็นนักวิชาการในสังกัดของมหาวิทยาลัย ในปี 2011 Technical University of Munich ได้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยในเครือขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ภายใต้ชื่อ German Institute of Science and Technology (GIST) - TUM Asia
5. Free University of Berlin
มหาวิทยาลัยเสรีแห่งเบอร์ลิน ก่อตั้งขึ้นในช่วงแรกเริ่มของยุคสงครามเย็น โดยคณาจารย์และนักศึกษาที่ถูกไล่ออกจาก Humboldt University เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมือง ปัจจุบันที่นี่มีนักศึกษาประมาณ 30,000 คน โดยราว 20% เป็นนักศึกษาต่างชาติ มหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งนี้โดดเด่นทั้งในด้านหลักสูตรการเรียนการสอนและการทำวิจัย จึงได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 9 ของกลุ่ม German Universities Excellence Initiative เมื่อปี 2007 วิทยาเขตหลักของสถาบันตั้งอยู่ในย่านดาห์เลม กรุงเบอร์ลิน และมีอีกสามวิทยาเขตที่เปิดสอนสาขาวิชาธรณีศาสตร์ สัตวแพทย์ และศูนย์การแพทย์ ในระหว่างปี 1959-1964 ได้มีการสร้าง Student village (Studentendorf Schlachtensee) ด้วยเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เพื่อใช้เป็นที่พักสำหรับนักศึกษา อาคาร 27 หลังนี้คือหอพักนักศึกษาแห่งแรกที่สร้างขึ้นหลังสงครามเบอร์ลิน จึงถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของเมือง