วิศวกรรมเคมีและวัสดุ คือ วิศวกรรมศาสตร์แขนงหนึ่งที่ศึกษาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์กายภาพ โดยเน้นไปที่เนื้อหาวิชาเคมีและฟิสิกส์ เพื่อทำความเข้าใจวิธีการแปลงวัตถุดิบและสารเคมีตั้งต้น ให้กลายเป็นวัสดุและสารเคมีที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น การศึกษาค้นคว้าวิจัยในทางวิศวกรรมเคมีและวัสดุ แบ่งออกเป็น 2 หัวข้อใหญ่ๆ ได้แก่ 1.การออกแบบและการผลิตเครื่องจักร 2.การพัฒนาวัตถุดิบและสสารใหม่ๆ
หากคุณหลงใหลในวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ ชื่นชอบงานด้านวิศวกรรมศาสตร์ และต้องการทำงานที่ได้ใช้ทักษะเฉพาะทาง สาขาวิชาวิศวกรรมเคมีและวัสดุก็น่าจะเป็นคอร์สที่เหมาะสำหรับคุณ
ผู้เรียนคอร์สนี้จะต้องใช้เวลาว่างนอกห้องเรียนในการศึกษาเพิ่มเติมด้วยตัวเอง ทำงานวิจัย และเขียนรายงานผลการวิจัยตามหัวข้อที่ได้รับมอบหมาย เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในเนื้อหาวิชาที่เรียน
ผู้เรียนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในหลักการวิทยาศาสตร์ที่แน่นพอสมควร พร้อมที่จะทำการทดลองเชิงปฏิบัติการให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย จะต้องเข้าฟังเลคเชอร์และหมั่นทบทวนบทเรียนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการเรียนภาคปฏิบัติ
ศิษย์เก่าส่วนใหญ่คาดหวังว่าจะจบไปทำงานด้านวิศวกรรมเคมีและวัสดุ โดยมีหน้าที่ทำวิจัย หรือ ออกแบบพัฒนาสสารและวัสดุที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตประวัน รายได้เฉลี่ยเริ่มต้นของผู้จบสาขาวิชาวิศวกรรมเคมีและวัสดุในประเทศอังกฤษอยู่ที่ 20,000-26,000 ปอนด์ต่อปี (ประมาณ 950,000-1,235,00 บาท) ถือว่าเป็นรายได้ที่ค่อนข้างสูงทีเดียว แต่ก็อาจมากน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับค่าครองชีพในแต่ละพื้นที่
บัณฑิตไม่จำเป็นต้องทำงานด้านวิศวกรรมเคมีเสมอไป มีศิษย์เก่าจำนวนมากที่จบไปทำงานด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และด้านการบริหารจัดการการผลิต โดยใช้ประโยชน์จากความรู้เฉพาะทางในเชิงลึกเกี่ยวกับเคมีและวัสดุต่างๆ ที่ได้เรียนมา
นอกจากนี้บัณฑิตยังสามารถศึกษาต่อเฉพาะทางเพิ่มเติมในระดับการศึกษาที่สูงขึ้น เพื่อผันตัวไปทำงานด้านกฎหมาย วารสารศาสตร์ หรือด้านการสอน โดยนำความรู้พื้นฐานเดิมมาประยุกต์ใช้ร่วมกับศาสตร์ใหม่ที่ได้เรียนรู้เพิ่มเติม
ผู้สมัครคอร์สวิศวกรรมเคมีและวัสดุจะต้องมีเกรดค่อนข้างสูงพอสมควร ในระดับปริญญาตรี ผู้สมัครจะต้องมีผลการเรียนระดับ A-levels ขึ้นไป ในวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ หรือเทียบเท่าสำหรับนักเรียนจากประเทศที่ใช้ระบบการศึกษาต่างจากประเทศอังกฤษ ประสบการณ์ในการเรียนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์อย่างเข้มข้นมาก่อน มีความสำคัญอย่างมากต่อการทำความเข้าใจเนื้อหาวิชาวิศวกรรมเคมีและวัสดุในระดับมหาวิทยาลัย
คอร์สนี้จะประเมินผลผู้เรียนผ่านการนำเสนอโปรเจ็คท์ที่เป็นงานเดี่ยว และผู้เรียนในระดับปริญญาตรี จะต้องฝึกปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมการทำงานจริงด้วย มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับบริษัทในอุตสาหกรรมด้านนี้ ซึ่งจะสามารถช่วยคุณในการหาที่ฝึกงานได้
หากสนใจเรียนหลักสูตรที่สูงกว่าปริญญาตรีขึ้นไป ผู้สมัครจะต้องเคยเรียนและมีประสบการณ์ทำงาน ในด้านที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรรมเคมีและวัสดุมาก่อน ระยะเวลาในการเรียนจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับระดับของหลักสูตรที่เลือก และขึ้นอยู่กับว่าคุณเรียนเต็มเวลาหรือเรียนนอกเวลา แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้เวลาเรียนประมาณ 1 ปี
ผู้มาจากประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก จะต้องสอบ IELTS ได้อย่างน้อย 6.0-6.5 คะแนนขึ้นไป ก่อนเริ่มคอร์ส
ข้อสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนยื่นใบสมัครคือ เรื่องค่าใช้จ่ายและเกรดที่มหาวิทยาลัยนั้นกำหนด ก่อนตัดสินใจเลือกคอร์ส อย่าลืมตรวจเช็คว่าเกรดของคุณผ่านเกณฑ์หรือไม่ หลักสูตรวิศวกรรมเคมีและวัสดุในบางมหาวิทยาลัย ต้องเรียนนานถึง 4 ปี งบประมาณจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ทั้งค่าธรรมเนียมการศึกษา และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมกันแล้วก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อย คุณอาจจะต้องมองหาช่องทางการทำงานพิเศษนอกเวลาเรียน หรือลองหาข้อมูลดูว่ามีมหาวิทยาลัยไหนบ้าง ที่ยินดีให้ทุนสนับสนุนแก่นักศึกษาที่ขาดแคลน
การตัดสินใจเลือกสถาบันการศึกษาทั้งในระดับปริญญาตรีและระดับที่สูงกว่าปริญญาตรี จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ คุณควรเลือกหลักสูตรให้ตรงกับความสนใจของตัวเองมากที่สุด รวมถึงพิจารณาชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยและคอนเนคชั่นที่มหาวิทยาลัยนั้นๆ มีกับบริษัทในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องด้วย เพราะมันจะส่งผลอย่างมากต่อโอกาสในการได้งานที่ดีหลังจบการศึกษา
นอกจากเรื่องหลักสูตรแล้ว อย่าลืมอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือการเลือกสถานที่ที่คุณจะสามารถอยู่ได้สบายใจและมีความสุข นักศึกษาบางคนต้องจากบ้านมาไกลและเดินทางมาเรียนต่อคนเดียว การเลือกสภาพสังคมแวดล้อมที่เข้ากับบุคลิกภาพของตัวเอง จะทำให้คุณปรับตัวได้ง่ายขึ้น การศึกษาในระดับปริญญาที่ต่างประเทศมีค่าใช้จ่ายสูงและต้องเสียเวลามากพอสมควร คุณควรจะใช้ชีวิตให้คุ้มค่าทั้งในแง่ของการเก็บเกี่ยวความรู้ทางวิชาการ และการหาประสบการณ์นอกห้องเรียน จากการเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ที่น่าสนใจ และทำความรู้จักกับผู้คนที่หลากหลาย ซึ่งอาจกลายเป็นคอนเนคชั่นที่ดีเยี่ยมในอนาคต