กฎหมายแพ่งคือสาขาหนึ่งของวิชากฎหมาย ที่ศึกษาเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างบุคคลหรือองค์กร เช่น ข้อพิพาทเกี่ยวกับหนี้ นิติกรรม ครอบครัว และมรดก เป็นต้น โดยมีหลักการพื้นฐานว่า ผู้กระทำผิดจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่อีกฝ่ายเมื่อสิ้นสุดกระบวนการตัดสิน แตกต่างจากกฎหมายอาญาที่ผู้กระทำผิดต้องถูกดำเนินคดี และได้รับการลงโทษอันสมควรต่อความผิดนั้น
ความแตกต่างอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดระหว่างการพิจารณาคดีทางแพ่งและคดีทางอาญา คือการตรวจสอบพิสูจน์หลักฐาน ในขณะที่ความผิดทางอาญานั้น ศาลจะดำเนินคดีกับจำเลยได้ก็ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงอย่างไร้ข้อกังขา แต่ถ้าเป็นความผิดทางแพ่ง ในบางกรณีก็จะพิสูจน์จากการสันนิษฐานความเป็นไปได้
วิชากฎหมายแพ่งครอบคลุมเนื้อหาทางกฎหมายหลายประเด็น ตั้งแต่กฎหมายครอบครัวและกฎหมายธุรกิจ ไปจนถึงกฎหมายเกี่ยวกับกีฬาอาชีพ และการเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดจากความประมาทของผู้อื่น
กฎหมายแพ่งเป็นสาขาวิชาที่ได้รับความนิยม จึงมีเกณฑ์การรับสมัครที่สูงพอสมควร ในระดับปริญญาตรี ผู้สมัครจะต้องมีผลการเรียนระดับ 3 A-levels ขึ้นไป หรือเทียบเท่าสำหรับนักเรียนจากประเทศที่ใช้ระบบการศึกษาต่างจากประเทศอังกฤษ และควรมีคุณสมบัติที่แสดงให้เห็นถึงความสนใจในสาขาวิชานี้อย่างจริงจัง อย่างเช่นเคยเรียน วิชากฎหมาย เศรษฐศาสตร์ ภาษาอังกฤษ หรือประวัติศาสตร์ มาก่อน ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้บังคับแต่ก็ช่วยทำให้ใบสมัครของคุณดูน่าสนใจยิ่งขึ้น
ส่วนในระดับปริญญาโทผู้สมัครจะต้องมีผลการเรียนระดับ 2:1 ขึ้นไป และเคยมีประสบการณ์ทำงานหรือเรียนด้านกฎหมายมาก่อน ผู้มาจากประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก จะต้องสอบ IELTS ได้อย่างน้อย 6.0-6.5 คะแนนขึ้นไป เพื่อเป็นการการันตีว่าภาษาอังกฤษจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำความเข้าใจเนื้อหาวิชาของคุณ
หลักสูตรปริญญาตรีด้านกฎหมายแพ่งใช้เวลาเรียนอย่างน้อย 3 ปี มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ จะเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติงานจริงในหน่วยงานด้านกฎหมาย ซึ่งก็อาจจะต้องขยายเวลาเรียนไปอีก 1 ปี มหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศอังกฤษ จะกำหนดให้นักศึกษาต้องผ่านการสอบความถนัดทางกฎหมาย LNAT (the National Admissions Test for Law) ก่อนเริ่มคอร์ส และสำหรับหลักสูตรที่สูงกว่าปริญญาตรีอย่าง Graduate Diploma in Law (GDL) จะใช้เวลาเรียนประมาณ 1-3 ปี สำหรับการฝึกอบรมให้คุณเป็นนักกฎหมายมืออาชีพ
การเลือกสถาบันการศึกษาจะมีผลอย่างมากต่อการทำงานในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณต้องการทำงานเป็นทนายความ หากได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง จะง่ายต่อการหาที่ฝึกงานในหน่วยงานด้านกฎหมายมากขึ้น และประสบการณ์ฝึกงานที่ดีก็จะมีประโยชน์อย่างมากต่อการหางานในอนาคต สถาบันการศึกษาอย่าง Cambridge, Oxford, Durham, University College London, Kings College London, Nottingham, Glasgow, Exeter และ Bristol ถือเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทางด้านกฎหมาย ซึ่งหากอยากเรียนมหาวิทยาลัยเหล่านี้ ผู้สมัครจะต้องสอบผ่านความถนัดทางกฎหมาย LNAT (the National Admissions Test for Law) ก่อนเริ่มคอร์ส
การเลือกสถานที่ตั้งของสถานศึกษาเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องจากบ้านมาไกลเพื่อมาเรียนต่อ ซึ่งเสียทั้งเวลาและเงินเป็นจำนวนไม่น้อย คุณควรเลือกเมืองที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมแก่การเรียนรู้ และการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตอย่างมีความสุข อย่าลืมพิจารณาถึงวัฒนธรรมโดยรอบสถานศึกษา ที่จะทำให้คุณอยู่ได้อย่างสบายใจ และได้รับประโยชน์จากการศึกษามากที่สุด
ก่อนยื่นใบสมัครไปยังมหาวิทยาลัยที่ต้องการ คุณต้องตรวจเช็คให้ดีว่าผลการเรียนของคุณผ่านเกณฑ์ที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดไว้หรือไม่ และคอร์สนี้ต้องใช้ระยะเวลาเรียนหลายปี คุณควรคำนวณให้รอบคอบว่า ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าที่พักและค่าครองชีพ อยู่ในระดับที่คุณสามารถรับผิดชอบได้หรือไม่ หากไม่ได้มีความพร้อมด้านการเงินมากนัก ก็ควรมองหาสถาบันที่มีทุนสนับสนุนแก่นักศึกษาขาดแคลนไว้เป็นทางเลือกหนึ่งด้วย