วิศวกรรมอิเล็คทรอนิกส์ คือ สาขาหนึ่งทางวิศวกรรมที่ศึกษาเกี่ยวกับส่วนประกอบของอุปกรณ์ไฟฟ้า และ อุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ หรือ สารกึ่งตัวนำ (วัสดุที่มีคุณสมบัติในการนำไฟฟ้าอยู่ระหว่างตัวนำและฉนวน) ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า แต่เรียนลึงลงไปด้านอิเล็คทรอนิกส์โดยเฉพาะ
วิศวกรรมอิเล็คทรอนิกส์ เป็นสาขาวิชาใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาได้ไม่นานนัก ความรู้ด้านวิศวกรรมอิเล็คทรอนิกส์เป็นที่รู้จักมากขึ้นในช่วงปี 1950 หลังการพัฒนาทางเทคโนโลยี ที่เกิดขึ้นระหว่างปี 1940 ซึ่งเป็นผลมาจากสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากในยุคนั้นประเทศมหาอำนาจแข่งขันกันพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในทางสงคราม ต่อมาวิชานี้ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการในศตวรรษที่ 19 เมื่อมีการปรับปรุงอุตสาหกรรมโทรเลข ต่อเนื่องมาจนถึงศตวรรษที่ 20 ที่เริ่มมีการพัฒนาอุปกรณ์สื่อสารอย่างโทรศัพท์และวิทยุ
หากคุณหลงใหลในเรื่องเกี่ยวกับวิศวกรรมอิเล็คทรอนิกส์ สนใจเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็คทริคมากเป็นพิเศษ สาขาวิชาก็น่าจะเหมาะสำหรับคุณ
การเรียนการสอนส่วนใหญ่จะเน้นการฝึกปฏิบัติ ในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับการทำงานจริง แต่ผู้เรียนก็ต้องเข้าฟังแลคเชอร์อย่างสม่ำเสมอ และทำความเข้าใจกับทฤษฎีทางอิเล็คทรอนิกส์ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการฝึกปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้เรียนสาขาวิชาวิศวกรรมอิเล็คทรอนิกส์จะต้องแบ่งเวลาส่วนตัวนอกห้องเรียน มาใช้เพื่อศึกษาตำราเพิ่มเติมเยอะพอสมควร เนื้อหาของหลักสูตรส่วนใหญ่จะประเมินผลผู้เรียนผ่านการทำงานข้อเขียน และ งานภาคปฏิบัติ นักศึกษาจะต้องมีความสามารถในการเรียนรู้เพิ่มเติมนอกเหนือจากการเรียนในห้อง และศึกษาค้นคว้าอิสระด้วยตัวเองในหัวข้อที่ได้รับการอนุมัติ
หลักสูตรนี้นอกจากให้ความรู้เกี่ยวกับอิเล็คทรอนิกส์แล้ว นักศึกษายังจะได้พัฒนาความสามารถทางเทคนิคอีกหลายอย่าง ซึ่งสามารถนำความรู้เหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กับการทำงานได้หลากหลาย บัณฑิตจำนวนมากนิยมนำทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ มาประยุกต์ใช้กับการทำงานเป็น นักพัฒนาระบบ ผู้บริหารจัดการคุณภาพ และทำงานในฝ่ายขาย
นอกจากนี้ผู้เรียนยังสามารถนำทักษะการคิดหาเหตุผลเชิงตรรกศาสตร์ ความสามารถในการแก้ปัญหา และความรู้ด้านการคำนวณ ไปประยุกต์ใช้กับการทำงานด้านการเงิน งานธนาคาร และงานด้านธุรกิจได้ หรือหากต้องการผันตัวไปทำงานในด้านที่เฉพาะทางมากยิ่งขึ้น บัณฑิตก็ยังมีทางเลือกในการเรียนต่อหลักสูตรด้านกฎหมาย หรือ ด้านการสอน ได้อีกด้วย
แต่ส่วนใหญ่แล้วนักศึกษาที่เลือกเรียนทางด้านวิศวกรรมอิเล็คทรอนิกส์ มีความมุ่งมั่นที่จะประกอบอาชีพเป็นวิศวกรอิเล็คทรอนิกส์ หรือ วิศวกรไฟฟ้า ทำหน้าที่พัฒนา ออกแบบ ประกอบ และซ่อมแซมบำรุงรักษาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
หลักสูตรวิศวกรรมอิเล็คทรอนิกส์ในสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงมักมีมาตรฐานในการรับสมัครที่ค่อนข้างสูง ผู้สมัครจะต้องมีเกรดอยู่ในระดับดีมาก ในระดับปริญญาตรี ผู้สมัครจะต้องมีผลการเรียนระดับ A-levels ขึ้นไป ในวิชาคณิตศาสตร์และวิชาวิทยาศาสตร์ หรือเทียบเท่าสำหรับนักเรียนจากประเทศที่ใช้ระบบการศึกษาต่างจากประเทศอังกฤษ การเรียนจะต้องใช้พื้นฐานความรู้เดิมทางด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ค่อนข้างเยอะ ดังนั้นเกรดของสองวิชานี้จึงสำคัญมากต่อการพิจารณารับเข้าศึกษา
ผู้เรียนคอร์สนี้จะต้องทำโปรเจ็คท์เดี่ยว และฝึกปฏิบัติงานจริงในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรรมอิเล็คทรอนิกส์ โดยจะต้องส่งรายงานการฝึกงานเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินผลก่อนจบการศึกษาด้วย แต่นักศึกษาไม่ต้องกังวลเรื่องการหาที่ฝึกงานมากนัก เพราะมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับบริษัทด้านวิศวกรรมอิเล็คทรอนิกส์หลายแห่งอยู่แล้ว
ผู้เรียนจะต้องเข้าฟังแลคเชอร์และทำแบบทดสอบความรู้อย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาที่ศึกษา ซึ่งต้องใช้ทักษะด้านภาษาอังกฤษค่อนข้างมาก ผู้มาจากประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก จึงต้องสอบ IELTS ได้อย่างน้อย 6.5 คะแนนขึ้นไป
ส่วนในระดับปริญญาโทก็มีหลักสูตรให้เลือกเรียนมากมาย มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะใช้เวลาเรียนประมาณ 1-3 ปี และกำหนดเกณฑ์การรับสมัครเอาไว้ว่า ผู้สมัครจะต้องมีผลการเรียนระดับ 2:1 ขึ้นไป ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง
สถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเป็นสิ่งสำคัญมาก คุณควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ การเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ และทำความรู้จักกับผู้คนที่หลากหลาย เป็นส่วนสำคัญยิ่งของชีวิตนักศึกษา ประสบการณ์นอกห้องเรียนที่คุณจะได้รับขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของเมืองนั้นๆ บางคนอาจชอบอยู่ในเมืองใหญ่ที่คึกคักเต็มไปด้วยสีสัน ในขณะที่บางคนอาจจะชอบเมืองเล็กที่อบอุ่นเงียบสงบ คุณจะต้องใช้เวลาอยู่ที่นั่นเป็นปีๆ จึงควรเลือกสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับบุคลิกภาพของตัวเอง และเอื้อต่อการพัฒนาตัวเองทั้งในด้านการเข้าสังคมและทางด้านวิชาการอย่างเต็มที่
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ หลักสูตรของแต่ละมหาวิทยาลัย และทักษะความสามารถของอาจารย์ผู้สอน คอร์สวิศวกรรมอิเล็คทรอนิกส์ส่วนใหญ่จะมีโครงสร้างหลักๆ ของเนื้อหาที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็อาจมีรายละเอียดของเนื้อหาวิชาที่แตกต่างกัน คุณควรเลือกหลักสูตรให้ตรงกับความสนใจของตัวเองมากที่สุด และเลือกมหาวิทยาลัยที่มีอาจารย์เชี่ยวชาญในด้านนั้นเป็นพิเศษ เพื่อประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคต
ก่อนยื่นใบสมัครอย่าลืมตรวจเช็คสถานะทางการเงินและผลการเรียนของคุณด้วย เกรดของคุณผ่านเกณฑ์ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้หรือไม่? คุณมีเงินเพียงพอสำหรับค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือยัง? หากมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ก็ควรมองหามหาวิทยาลัยที่มีทุนสำหรับนักศึกษาขาดแคลนไว้เป็นทางเลือกหนึ่งด้วย