ภาษาอังกฤษศึกษา ครอบคลุมเนื้อหาหลากหลายแง่มุมที่เกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษ รวมถึงการ ผลิตตำราภาษาอังกฤษด้วย ผู้เรียนจะมีโอกาสได้เรียนภาษาอังกฤษตามแบบต้นฉบับ โดยศึกษาผ่านผลงานของนักเขียนที่ยอดเยี่ยม และจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษในแบบไอริช อเมริกัน แคนาเดียน และออสเตรเลียน เพื่อนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบกันว่าภาษาอังกฤษของแต่ละชนชาติ มีรูปแบบที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง และวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ มีอิทธิพลต่อการใช้ภาษาอย่างไรบ้าง ภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งในภาษาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ประมาณ 5.5% ของประชากรโลก ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก นั่นหมายความว่าตำราและวรรณกรรมที่เขียนขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ จะสามารถเข้าถึงคนทั่วโลกได้เป็นจำนวนมาก
หลักสูตรนี้มีหัวข้อที่น่าสนใจมากมาย อย่างเช่น วรรณกรรมสำหรับผู้หญิง วรรณกรรมอเมริกัน ภาษาศาสตร์ นิรุกติศาสตร์ (วิชาที่ว่าด้วยประวัติ รากศัพท์ และความหมายของคำ) และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งผู้เรียนจะได้ศึกษาเรื่องราวของวรรณกรรมในเชิงลึก ได้ทำความรู้จักกับนวนิยายหลากหลายประเภท และทำความเข้าใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ที่ส่งอิทธิพลต่องานเขียนเหล่านั้น
ศิษย์เก่าสาขาวิชาภาษาอังกฤษศึกษาส่วนใหญ่นิยมทำงานด้านการสอนหนังสือ ในประเทศอังกฤษยังขาดแคลนบุคลากรครูที่มีความสามารถและประสบการณ์อยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะครูในระดับชั้นมัธยมศึกษา ผู้ที่เรียนคอร์ส Postgraduate Certificate in Education (PGCE) เพื่อทำงานเป็นครู ส่วนใหญ่มักได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลอังกฤษ และมีรายได้เฉลี่ยเริ่มต้นสำหรับครูจบใหม่ประมาณ 21,588 ปอนด์ต่อปี (ประมาณ 1,025,000 บาท) หรือหากทำงานในลอนดอนก็อาจได้รับค่าตอบแทนสูงถึง 27,000 ปอนด์ต่อปี (ประมาณ 1,282,000 บาท) โดยอาจมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับค่าครองชีพในแต่ละพื้นที่
หากไม่ต้องการทำงานเป็นครู บัณฑิตที่มีทักษะด้านภาษาอังกฤษยังสามารถทำงานในอุตสาหกรรมอื่นได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักวารสารศาสตร์ ผู้ช่วยในแผนกประชาสัมพันธ์ ผู้ช่วยในแผนกมีเดีย และก็อปปี้ไรเตอร์ ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยเริ่มต้น 18,338 ปอนด์ต่อปี (ประมาณ 871,000 บาท)
นอกจากนี้บัณฑิตยังสามารถเรียนต่อในระดับการศึกษาที่สูงขึ้น หรือเรียนต่อเฉพาะทางเพื่อทำงานด้านกฎหมาย หรืองานด้านการเงิน การธนาคาร ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
เงื่อนไขในการรับเข้าศึกษาจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยและระดับการศึกษา หลักสูตรปริญญาตรีส่วนใหญ่จะใช้เวลาเรียนอย่างน้อย 3 ปี บางมหาวิทยาลัยอาจเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน Erasmus (European Community Action Scheme for the Mobility of University Students) เพื่อส่งนักศึกษาไปฝึกงานหรือเรียนเพิ่มเติมในต่างประเทศ และจะต้องขยายระยะเวลาเรียนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งปี
ถึงแม้เงินเดือนเริ่มต้นของบัณฑิตจบใหม่ในสาขาวิชาภาษาอังกฤษศึกษาจะไม่สูงนัก แต่คอร์สนี้ก็มีการแข่งขันสูงทีเดียว โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านนี้เป็นพิเศษ มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่กำหนดเกณฑ์การรับสมัครไว้ว่า ในระดับปริญญาตรี ผู้สมัครจะต้องมีผลการเรียนระดับ A-levels ขึ้นไป หรือเทียบเท่าในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องอย่างเช่น ภาษาอังกฤษ หรือ วรรณกรรมภาษาอังกฤษ และผู้มาจากประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก จะต้องสอบ IELTS ได้อย่างน้อย 6.0 คะแนนขึ้นไป
ส่วนในระดับปริญญาโทผู้สมัครจะต้องมีผลการเรียนระดับ 2:1 ขึ้นไป ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง และบางคอร์สอาจกำหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมว่า หากมีเกรดที่ต่ำกว่าเกณฑ์ ผู้สมัครจะต้องเคยทำกิจกรรมหรือมีประสบการณ์ทำงานในด้านที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรมาก่อน
การเลือกสถานที่ตั้งของสถานศึกษาให้เหมาะสม สำคัญอย่างมากต่อประสบการณ์ที่คุณจะได้รับในระหว่างการศึกษา หากเป็นไปได้คุณควรหาเวลาไปสำรวจมหาวิทยาลัย และพื้นที่โดยรอบก่อนตัดสินใจเลือกสถานศึกษา สำหรับคอร์สที่เรียนด้านวรรณกรรม สถานที่เรียนจะมีผลอย่างมากต่อการหางานในอนาคต นอกจากเรื่องความสุขในการใช้ชีวิตแล้ว คุณควรคำนึงถึงประสบการณ์ที่ตัวเองจะได้รับให้มากๆ คุณควรเลือกมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองด้านวรรณกรรมและศิลปการละคร เพราะจะมีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมด้านนี้ตั้งอยู่มากมาย และมีกิจกรรมน่าสนใจที่หลากหลาย ให้คุณได้เข้าร่วมเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มเติม
ในการเรียนด้านภาษาอังกฤษศึกษา สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาคือขอบเขตความสนใจของคุณ เมื่อเลือกคอร์สแล้วคุณจะเรียนเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี ไม่ว่าคุณต้องการจะเรียนเรื่องประวัติศาสตร์ของภาษา หรือ วรรณกรรมในยุคหลังอาณานิคม ก็มีหลักสูตรให้เลือกเป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละหลักสูตรจะเน้นให้ความสำคัญกับเนื้อหาต่างๆ ไม่เท่ากัน คุณควรเลือกหลักสูตรให้ตรงกับความต้องการของตัวเองมากที่สุด
สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนยื่นใบสมัครคือ ค่าธรรมเนียมการศึกษาและเกรดของคุณ มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านภาษาอังกฤษศึกษา อย่างเช่น Oxford และ Cambridge กำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำในระดับปริญญาตรีไว้ว่า ผู้สมัครจะต้องสอบผ่าน 3 A-levels ขึ้นไป หรือเทียบเท่าในเกรดที่สูงมากพอ อย่าลืมตรวจเช็คให้แน่ใจว่า เกรดของคุณผ่านเกณฑ์ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้ แต่ถ้าคุณสมบัติของคุณไม่ผ่านเกณฑ์ก็อย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะเมืองส่วนใหญ่ในประเทศอังกฤษมักมีมหาวิทยาลัยมากกว่าหนึ่งแห่ง หากคุณต้องการอยู่ที่เมืองใดเมืองหนึ่งเป็นพิเศษ แต่เกรดไม่ผ่านเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ คุณควรลองมองหามหาวิทยาลัยอื่นในเมืองนั้น ที่อาจพิจารณาใบสมัครของคุณ และหากมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย อย่าลืมมองหามหาวิทยาลัยที่มีทุนสนับสนุนแก่นักศึกษาขาดแคลนเอาไว้เป็นทางเลือกหนึ่งด้วย