สาขาวิชาภาพยนตร์และโทรทัศน์ คือการศึกษากระบวนการทำงานด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์ ตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงการวิจารณ์ ซึ่งการเรียนการสอนด้านภาพยนตร์เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานนัก ส่วนอุตสาหกรรมภาพยนตร์นั้นก็เพิ่งมีการเจริญเติบโตขึ้นในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น การผลิตภาพยนตร์เริ่มต้นขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1880 โดยภาพยนตร์ในยุคแรกเป็นยุคของหนังเงียบ ที่นำการบรรเลงดนตรีออเคสตร้ามาใช้แทนบทพูด
ทุกวันนี้เทคโนโลยีในการผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ก้าวหน้าไปไกลมาก และมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำลงมาก แม้แต่โทรศัพท์มือถือก็ยังสามารถนำมาใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ได้ คนทำภาพยนตร์จึงมีทางเลือกในการสร้างสรรค์และพัฒนาผลงานมากขึ้น ทำให้มีเทคนิคทางภาพยนตร์ใหม่ๆ อย่างเช่น CGI และ ภาพยนตร์สามมิติ เกิดขึ้นมากมาย และยังคงพัฒนาต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ศิษย์เก่าสาขาวิชาภาพยนตร์และโทรทัศน์ มีทักษะที่หลากหลายและน่าสนใจจึงเป็นที่ต้องการตัวของนายจ้างอย่างมาก ในคอร์สนี้คุณจะได้เรียนรู้ทักษะการปฏิบัติการทางด้านภาพยนตร์ จนมีความเชี่ยวชาญและสามารถผลิตภาพยนตร์ของตัวเองได้ นอกจากนี้คุณยังจะได้พัฒนาทักษะในการทำวิจัย การบริหารจัดการโปรเจ็คท์ และการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
บัณฑิตสาขาวิชาภาพยนตร์และโทรทัศน์สามารถเลือกประกอบอาชีพได้หลากหลายมาก ส่วนใหญ่พวกเขานิยมทำงานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ โดยมักเริ่มต้นจากการเป็นผู้ช่วยในกองถ่ายภาพยนตร์ หรือบางคนอาจผลิตงานศิลปะมัลติมีเดียขึ้นมาเป็นของตัวเอง
นอกจากนี้ยังสามารถทำงานในบริษัทโปรดักชั่น หรือ ทำงานในสถานีโทรทัศน์ขนาดใหญ่ อย่างเช่น Sky, ITV, BBC หรือ channel 4 ในตำแหน่งผู้ช่วยจัดหาข้อมูลและจัดทำรายการ หรือหากไม่ต้องการทำงานด้านภาพยนตร์โดยตรง บัณฑิตก็ยังมีทางเลือกในการประกอบอาชีพอื่นๆ อย่างเช่น ทำงานด้านการตลาด การโฆษณา และอุตสาหกรรมออนไลน์ หรือพัฒนาทักษะทางด้านการเขียนแล้วผันตัวไปทำงานด้านวารสารศาสตร์ ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
สำหรับผู้ที่ต้องทำงานที่ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวเป็นพิเศษ อย่างผู้กำกับภาพยนตร์ นักเขียนบทภาพยนตร์ หรือนักแสดงมืออาชีพ ควรเรียนต่อคอร์สเฉพาะทางด้านที่สนใจในระดับปริญญาโท
หลักสูตรปริญญาโทด้านภาพยนตร์ส่วนใหญ่ จะใช้เวลาเรียนอย่างน้อย 1 ปี ส่วนหลักสูตรปริญญาตรีจะใช้เวลาเรียนอย่างน้อย 3 ปี เนื้อหาหลักสูตรจะมีทั้งส่วนที่เป็นทฤษฎีและภาคปฏิบัติ คุณจะได้เรียนรู้ตั้งแต่โครงสร้างการเล่าเรื่องให้ประสบความสำเร็จ ไปจนถึงประวัติศาสตร์ของละครเพลงฮอลลีวูด และยังจะได้เรียนรู้ความเป็นมาของอุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์ และกระบวนการผลิตภาพยนตร์ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติด้วย
มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ ไม่ได้ระบุเฉพาะเจาะจงว่าคุณจะต้องสอบผ่าน A-level ด้านภาพยนตร์ หรือมีวุฒิการศึกษาอื่นๆ ด้านภาพยนตร์มาก่อน แต่ถ้ามีประสบการณ์มาบ้างก็จะทำให้ใบสมัครของคุณแข็งแกร่งขึ้น มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งจะกำหนดเกณฑ์การรับสมัครแตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ว่า ผู้สมัครในระดับปริญญาตรี จะต้องมีผลการเรียนระดับ 3A-levels ขึ้นไป ส่วนผู้สมัครในระดับบปริญญาโทจะต้องมีผลการเรียนระดับ 2:1 ขึ้นไป
นอกจากนี้ ผู้มาจากประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก จะต้องสอบ IELTS ได้อย่างน้อย 6.0 คะแนนขึ้นไปด้วย
การเรียนในมหาวิทยาลัยจะทำให้คุณได้รับทักษะมากมาย ที่จำเป็นต่อการทำงานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ แต่นั่นยังไม่เพียงพอที่จะทำให้คุณก้าวสู่อาชีพในฝัน งานด้านภาพยนตร์คือหนึ่งในอาชีพที่ประสบการณ์ทำงาน และคอนเนคชั่นที่ดีมีความสำคัญอย่างมากต่อการทำงาน คุณควรมองหามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบริษัทในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เพราะนอกจากจะสะดวกต่อการขอเข้าไปฝึกปฏิบัติงานแล้ว คุณยังจะได้สร้างความสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ในวงการไว้อีกด้วย ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากต่อการทำงานในอนาคต
เมื่อเลือกเรียนหลักสูตรภาพยนตร์และโทรทัศน์ คุณอาจเกิดคำถามว่า คุณสนใจเรียนคอร์สทางด้านไหนของภาพยนตร์ และมหาวิทยาลัยที่เลือกจะมีคอร์สที่คุณต้องการหรือไม่ ไม่ว่าคุณต้องการเรียนเน้นไปทางการกำกับและเขียนบท หรือ ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์อังกฤษ ก็มีหลักสูตรให้เลือกมากมาย คุณควรพิจารณาเลือกคอร์สที่มีชื่อเสียงในด้านที่คุณสนใจ และตรวจสอบเนื้อหารายวิชาด้วยว่าตรงกับความต้องการของตัวเองหรือไม่
การเลือกสถานที่ตั้งของสถานศึกษาให้เหมาะสมกับบุคลิกภาพของคุณ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องตัดสินใจให้รอบคอบ หากคุณชื่นชอบการหาประสบการณ์ใหม่ๆ และพบปะผู้คนที่หลากหลาย คุณควรมองหามหาวิทยาลัยใจกลางเมืองใหญ่ ที่คึกคักมีสีสัน มีกิจกรรมให้ทำตลอดเวลา แต่หากคุณชอบอยู่อย่างสงบและสร้างความสัมพันธ์กับคนกลุ่มเล็กๆ ก็ควรเลือกมหาวิทยาลัยในเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบและอบอุ่น
ค่าธรรมเนียมการศึกษาและเกรดของคุณ ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่จะกำหนดเกรดไว้ค่อนข้างสูงทีเดียว อย่าลืมตรวจเช็คให้แน่ใจว่าเกรดของคุณผ่านเกณฑ์การรับสมัครไหม? คุณมีปัญหาเรื่องค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือไม่? ถ้ามีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย คุณควรมองหามหาวิทยาลัยที่มีทุนสนับสนุนสำหรับนักศึกษาขาดแคลนไว้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งด้วย