การจัดการทรัพยากรมนุษย์ คือ แผนกหนึ่งในบริษัทที่ทำหน้าที่ดูแลความสัมพันธ์ และการสื่อสารระหว่างพนักงานภายในองค์กร คนทั่วไปมักคิดว่า แผนกการจัดการทรัพยากรมนุษย์ เพิ่งเกิดขึ้นมาได้ไม่นาน ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง
อันที่จริงแล้ว การจัดการทรัพยากรมนุษย์ ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา และเป็นศาสตร์ที่มีบทบาทในองค์กรธุรกิจต่างๆ มาตั้งแต่กลางยุค 1800’s เมื่อรัฐบาลอังกฤษออกกฎหมายกฎระเบียบ เกี่ยวกับการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น นายจ้างจึงต้องดูแลรักษาผลประโยชน์ของพนักงานมากขึ้นเช่นกัน ในปี ค.ศ.1833 หน่วยงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้เข้าตรวจสอบโรงงานต่างๆ ในประเทศอังกฤษ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้หญิงและเด็กมีชั่วโมงการทำงานที่เหมาะสมกับค่าตอบแทน
รายละเอียดของงานด้านการจัดการทรัพยากรมนุษย์ในทุกวันนี้ แตกต่างจากยุควิคตอเรีย ที่เพิ่งเริ่มมีศาสตร์ด้านนี้เกิดขึ้นมามากพอสมควร แต่ก็ยังมีจุดประสงค์หลักๆ ที่เหมือนกันคือ การดูแลพนักงานให้ได้รับสวัสดิการที่เหมาะสม
มีบัณฑิตบางส่วนเท่านั้นที่ตัดสินใจทำงานด้านการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ผู้ที่ทำงานด้านนี้โดยตรง มักเป็นศิษย์เก่าที่มีวุฒิการศึกษาที่ดี จบจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง และเคยมีประสบการณ์ทำงานในแผนกการจัดการทรัพยากรมนุษย์มาก่อน
ผู้เรียนคอร์สนี้ ไม่ได้เข้าสู่โลกของการทำงานเป็นฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และคัดเลือกบุคลากรกันทุกคน จากความรู้ด้านกฎหมายแรงงานและโครงสร้างธุรกิจที่ได้เรียนมา บัณฑิตสาขาวิชานี้จึงสามารถเลือกทำงานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานด้านธุรกิจ งานสายนักข่าว หรืองานด้านกฎหมาย อีกสายอาชีพหนึ่งที่ได้รับความนิยมในหมู่ศิษย์เก่าคือ งานด้านการเงินและการธนาคาร เพราะหลักสูตรส่วนใหญ่จะสอนเรื่องการเงินหรือการบัญชีให้แก่ผู้เรียนด้วย
หนึ่งในทักษะหลักๆ ที่ผู้เรียนการจัดการทรัพยากรมนุษย์จะได้เรียนรู้คือ ความสามารถในการทำความเข้าใจสิ่งที่คนทั่วไปคิด ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงานด้านโฆษณาได้
รายได้เฉลี่ยเริ่มต้นของผู้จบสาขาวิชาการจัดการทรัพยากรมนุษย์ในประเทศอังกฤษอยู่ที่ 21,007 ปอนด์ต่อปี (ประมาณ 998,000 บาท) อาจมากน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับค่าครองชีพในแต่ละพื้นที่ ซึ่งถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่ค่อนข้างสูงทีเดียวสำหรับอาชีพในสายสังคมศาสตร์ คอร์สนี้จึงได้รับความนิยมอย่างมาก จากผู้เรียนที่พิจารณาเรื่องรายได้หลังเรียนจบเป็นสำคัญ
ในระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่กำหนดเงื่อนไขไว้ว่า ผู้สมัครจะต้องมีผลการเรียนระดับ 3 A-levels ขึ้นไป หรือเทียบเท่าสำหรับนักเรียนจากประเทศที่ใช้ระบบการศึกษาต่างจากประเทศอังกฤษ ถึงแม้คอร์สนี้จะไม่ได้กำหนดวิชาบังคับ แต่คุณก็ควรจะมีพื้นฐานที่ดีในวิชาคณิตศาสตร์ วิชาธุรกิจ หรือวิชาเศรษฐศาสตร์ เพราะมันจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนอย่างมาก เมื่อมหาวิทยาลัยรับคุณเข้าศึกษาแล้ว และผู้มาจากประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก จะต้องยื่นคะแนนสอบ IELTS มาให้ทางมหาวิทยาลัยพิจารณาประกอบกับใบสมัครด้วย
หลักสูตรปริญญาตรีใช้ระยะเวลาเรียนประมาณ 3-4 ปี ขึ้นอยู่กับสถาบันการศึกษาที่คุณเลือก มหาวิทยาลัยที่ต้องเรียน 4 ปี มักส่งผู้เรียนไปฝึกปฎิบัติงานตามหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในปีที่ 3 ของหลักสูตร และสำหรับหลักสูตรปริญญาโทจะใช้ระยะเวลาเรียนประมาณ 1-3 ปี
นักศึกษาส่วนใหญ่ในคอร์สนี้จะสนใจในด้านธุรกิจ และมองหางานด้านธุรกิจหรือด้านการจัดการทรัพยากรมนุษย์เมื่อจบการศึกษา ก่อนยื่นใบสมัครไปยังมหาวิทยาลัยต่างๆ นอกจากพิจารณาโครงสร้างหลักสูตรและเนื้อหารายวิชาแล้ว คุณควรมองหามหาวิทยาลัยที่มีความสัมพันธ์อันดี กับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสายงานที่คุณต้องการทำในอนาคต บริษัทใหญ่ๆ มักเป็นพันธมิตรกับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง และมักเข้ามาทาบทามบัณฑิตจบใหม่ที่มีความสามารถไปทำงานด้วย
หากคุณยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเรียนแค่ 4 ปีในหลักสูตรปริญญาตรี หรือเรียนเพิ่มเติมมากกว่านั้น คุณควรหาประสบการณ์ฝึกปฏิบัติงานนอกเวลาเรียนเพิ่มเติม ซึ่งการเลือกสถานที่ทำงานเป็นสิ่งสำคัญมาก บริษัทส่วนใหญ่จะรู้สึกชื่นชมเมื่อคุณแสดงออกถึงความคิดริเริ่ม และยินดีต้อนรับ
นักศึกษาที่ต้องการหาประสบการณ์ทำงาน นอกเหนือจากการทำกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัย หากสนใจทดลองทำงานในระหว่างเรียน คุณควรเลือกมหาวิทยาลัยที่อยู่ใจกลางเมือง เพื่อเพิ่มโอกาสและทางเลือกในการออกไปหาประสบการณ์นอกห้องเรียน
นอกจากเรื่องโลเคชั่นและชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยแล้ว อย่าลืมตรวจสอบด้วยว่าคุณสมบัติของคุณ ผ่านเกณฑ์ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดหรือไม่ และควรมองหามหาวิทยาลัยที่มีทุนการศึกษาไว้เป็นทางเลือกหนึ่ง หากคุณมีแนวโน้มจะประสบกับปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย