กฎหมายระหว่างประเทศ คือ วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับหลักกฎหมายหรือข้อตกลงร่วมกัน ที่บังคับใช้ระหว่างประเทศต่างๆ ในบริบทสังคมโลก กฎหมายระหว่างประเทศมีเนื้อหาครอบคลุมหลายเรื่อง ตั้งแต่สิทธิมนุษยชนไปจนถึงข้อตกลงทางการค้า ซึ่งเป็นหลักสูตรที่น่าสนใจมาก เพราะผู้เรียนจะได้เรียนรู้วิธีการอยู่ร่วมกันและการมีปฏิสัมพันธ์กับนานาชาติในด้านต่างๆ มากมาย
แต่ละประเทศมีโครงสร้างทางกฎหมายที่แตกต่างกัน สิ่งสำคัญคือการพยายามเรียนรู้และทำความเข้าใจความแตกต่างเหล่านั้น เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และให้ความคุ้มครองแก่พลเมืองของชาติเราที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ
ศิษย์เก่าสาขาวิชากฎหมายระหว่างประเทศส่วนใหญ่ ต้องการประกอบอาชีพเป็นทนายความ หากเรียนคอร์สนี้ผู้เรียนจะสามารถปฏิบัติงานด้านกฎหมายระหว่างประเทศได้ โดยไม่ต้องเรียนคอร์ส Graduate Diploma in Law เพิ่มเติมหลังจบปริญญาตรี
หากไม่ต้องการทำงานด้านกฎหมายระหว่างประเทศโดยตรง บัณฑิตยังสามารถนำทักษะที่ได้เรียนจากคอร์สนี้ ไปประยุกต์กับการทำงานอย่างอื่นได้ เช่น งานด้านการค้าและเศรษฐศาสตร์ หรือทำงานด้านธุรกิจและการเงิน ในตำแหน่งที่ได้รับความนิยมอย่างฝ่ายประชาสัมพันธ์ และฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย
นอกจากนี้บัณฑิตจำนวนมากยังนิยมทำงานเพื่อสังคม อย่างเช่น เป็นนักวารสารศาสตร์ หรือทำงานให้กับองค์กรการกุศล เช่น Amnesty International หรือ Oxfam
กฎหมายระหว่างประเทศเป็นสาขาวิชาที่ได้รับความนิยม จึงมีเกณฑ์การรับสมัครที่สูงพอสมควร ในระดับปริญญาตรี ผู้สมัครจะต้องมีผลการเรียนระดับ 3 A-levels ขึ้นไป หรือเทียบเท่าสำหรับนักเรียนจากประเทศที่ใช้ระบบการศึกษาต่างจากประเทศอังกฤษ สำหรับปริญญาโท คุณควรสอบผ่าน Honours degree ในระดับที่ดี และควรมีคุณสมบัติที่แสดงให้เห็นถึงความสนใจในสาขาวิชานี้อย่างจริงจัง อย่างเช่นเคยเรียนวิชากฎหมายมาก่อน
หลักสูตรปริญญาตรีด้านกฎหมายระหว่างประเทศใช้เวลาเรียนอย่างน้อย 3 ปี มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ จะเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติงานจริงในหน่วยงานด้านกฎหมาย ซึ่งก็อาจจะต้องขยายเวลาเรียนไปอีก 1 ปี
มหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศอังกฤษ จะกำหนดให้นักศึกษาต้องผ่านการสอบความถนัดทางกฎหมาย LNAT (the National Admissions Test for Law) ก่อนเริ่มคอร์ส และสำหรับหลักสูตรที่สูงกว่าปริญญาตรีอย่าง Graduate Diploma in Law (GDL) จะใช้เวลาเรียนประมาณ 1-3 ปี และผู้มาจากประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก จะต้องสอบ IELTS ได้อย่างน้อย 6.0-6.5 คะแนนขึ้นไป เพื่อเป็นการการันตีว่าภาษาอังกฤษจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำความเข้าใจเนื้อหาวิชาของคุณ
การเลือกสถาบันการศึกษาจะมีผลอย่างมากต่อการทำงานในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณต้องการทำงานเป็นทนายความ หากได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง จะง่ายต่อการหาที่ฝึกงานในหน่วยงานด้านกฎหมายมากขึ้น และประสบการณ์ฝึกงานที่ดีก็จะมีประโยชน์อย่างมากต่อหางานเมื่อจบการศึกษา มหาวิทยาลัยหลายแห่งจะส่งเสริมความรู้ด้านภาษาและธุรกิจให้แก่นักศึกษาด้วย รวมถึงเปิดโอกาสให้นักศึกษาเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนกับ Erasmus (European Community Action Scheme for the Mobility of University Students) เพื่อหาประการณ์ทำงานเพิ่มเติม
ก่อนยื่นใบสมัครไปยังมหาวิทยาลัยที่ต้องการ คุณต้องตรวจเช็คให้ดีว่าผลการเรียนของคุณผ่านเกณฑ์ที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดไว้หรือไม่ และคอร์สนี้ต้องใช้ระยะเวลาเรียนหลายปี คุณควรคำนวณให้รอบคอบว่า ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าที่พักและค่าครองชีพ อยู่ในระดับที่คุณสามารถรับผิดชอบได้หรือไม่ หากไม่ได้มีความพร้อมด้านการเงินมากนัก ก็ควรมองหาสถาบันที่มีทุนสนับสนุนแก่นักศึกษาขาดแคลนไว้เป็นทางเลือกหนึ่งด้วย
การเลือกสถานที่ตั้งของสถานศึกษาเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องจากบ้านมาไกลเพื่อมาเรียนต่อ ซึ่งเสียทั้งเวลาและเงินเป็นจำนวนไม่น้อย คุณควรเลือกเมืองที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมแก่การเรียนรู้ และการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตอย่างมีความสุข และอย่าลืมพิจารณาถึงวัฒนธรรมโดยรอบสถานศึกษา ที่จะทำให้คุณอยู่ได้อย่างสบายใจ และได้รับประโยชน์จากการศึกษามากที่สุด