สาขาวิชาภาษา คือ การศึกษาเกี่ยวกับการสื่อสารโดยการเขียนหรือพูด ซึ่งมีหลักสูตรเป็นจำนวนมากที่เปิดสอนทางด้านนี้โดยเฉพาะ แม้บางคนจะคิดว่าการเรียนสาขาทางวิทยาศาสตร์ มีบทบาทต่อการพัฒนาสังคมมากกว่า แต่หากไม่มีทักษะทางด้านภาษาเพื่อใช้สื่อสาร ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบก็จะไม่สามารถเผยแพร่ออกไปได้ในวงกว้าง
ผู้คนรู้จักความสำคัญและได้เรียนโครงสร้างของภาษา มาตั้งแต่สมัย 5 ปีก่อนคริสตกาล ปาณินิ (Panini) นักไวยากรณ์ชาวอินเดียโบราณ ได้วางกฎสัณฐานวิทยา (Morphology) ในภาษาสันสกฤตไว้ถึง 3,959 สูตร ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ไวยากรณ์ของปาณินิ ทุกวันนี้การศึกษาเกี่ยวกับภาษา มีความหลากหลายและครอบคลุมมากกว่าแค่เรื่องหลักไวยากรณ์ ไม่ว่าคุณจะวางแผนอนาคตไว้ว่าจะทำงานด้านภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมันโดยตรง หรือสนใจภาพรวมๆ ทางด้านภาษาศาสตร์และนิรุกติศาสตร์ (วิชาที่ว่าด้วยประวัติ รากศัพท์ และความหมายของคำ) ของภาษาอังกฤษที่ใช้กันทั่วไปในปัจจุบัน การมีความเข้าใจด้านภาษาอย่างลึกซึ้ง ก็เป็นทักษะที่เป็นประโยชน์อย่างมาก ต่อการพัฒนาตัวเองของผู้เรียนในอนาคต
รายได้เฉลี่ยเริ่มต้นของผู้จบสาขาวิชาภาษาในประเทศอังกฤษอยู่ที่ 18,000-21,000 ปอนด์ต่อปี (ประมาณ 855,000-997,500 บาท) สายงานที่สามารถเลือกทำได้จะขึ้นอยู่กับภาษาที่คุณเรียนจบมา บัณฑิตผู้มีทักษะด้านภาษาอาจทำงานเป็นนักแปล ซึ่งได้ค่าตอบแทนดีพอสมควร หรือจะทำงานในอุตสาหกรรมอื่นๆ อย่างเช่น การเงิน การธนาคาร และธุรกิจระหว่างประเทศ ก็เป็นที่นิยมเช่นกัน
ทุกวันนี้ในประเทศอังกฤษค่อนข้างขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะด้านภาษาต่างประเทศ ซึ่งแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ประเทศอื่นๆ ของยุโรป เด็กนักเรียนอังกฤษไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนด้านภาษาต่างประเทศตั้งแต่ยังเล็ก ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านภาษามากกว่าหนึ่งภาษาขึ้นไป ซึ่งเป็นบุคลากรที่จำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการทำธุรกิจระดับนานาชาติในยุคปัจจุบัน ดังนั้น หากคุณมีทักษะทางด้านภาษาที่แข็งแกร่งมากกว่าหนึ่งภาษาขึ้นไป ก็จะเป็นที่ต้องการตัวของตลาดแรงงานอย่างมาก
นอกจากนี้หากไม่ต้องการทำงานด้านการเงิน การธนาคาร บัณฑิตยังสามารถเรียนต่อในด้านที่เฉพาะทางมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น คอร์ส Postgraduate Certificate in Education (PGCE) เพื่อทำงานเป็นครูในโรงเรียนมัธยม หรือ คอร์ส Teaching English as a Foreign Language (TEFL) เพื่อทำงานสอนภาษาอังกฤษให้คนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างชาติ โดย TEFL เป็นคอร์สที่ได้รับความนิยมอย่างมาก จากบัณฑิตที่ต้องการทำงานที่ได้เดินทางไปสอนผู้คนตามที่ต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ
สาขาวิชาด้านภาษาเฉพาะทางอย่างภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาอิตาเลียน และภาษาสเปน จะใช้เวลาเรียนอย่างน้อย 4 ปี โดยจะแบ่งออกเป็นการเรียนในมหาวิทยาลัยที่คุณสมัคร 3 ปี ส่วนอีก 1 ปีคุณจะต้องเลือกว่าจะไปเรียนในประเทศเจ้าของภาษา หรือ ทำงานร่วมกับเจ้าของภาษา ซึ่งประสบการณ์ในครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการประเมินจากผลการเรียนหรือการทำงาน จะสำคัญอย่างมากต่อการจบการศึกษาของคุณ
เกรดสำหรับการยื่นใบสมัครต้องอยู่ในเกณฑ์ดีแค่ไหน ขึ้นอยู่กับคอร์สและมหาวิทยาลัยที่คุณเลือก มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะกำหนดเกณฑ์ไว้ว่า ผู้สมัครในระดับปริญญาตรี จะต้องมีผลการเรียนระดับ 3 A-levels ขึ้นไปหรือเทียบเท่า และควรมีทักษะเบื้องต้นในภาษาที่เลือกจะมาเรียนด้วย ผู้ที่สนใจเรียนภาษาบางประเภท อย่างเช่น ภาษาอาราบิก หรือ ภาษารัสเซีย ไม่จำเป็นต้องเคยเรียนภาษานี้มาก่อนในระดับมัธยม แต่จะต้องมีหลักฐานอื่นที่แสดงให้เห็นถึงความสนใจในด้านภาษาอย่างจริงจัง ยื่นมาพร้อมกับใบสมัครด้วย
การเรียนด้านภาษาจะต้องเรียนหนักพอสมควร คุณต้องใช้ทั้งทักษะการพูด การฟัง และยังต้องอ่านวรรณกรรม รวมถึงทำวิจัยเกี่ยวกับวัฒนธรรมและการเมืองด้วย หากต้องการได้รับประโยชน์เต็มที่จากการเรียนคอร์สนี้ ผู้เรียนต้องพร้อมทำงานหนักและสามารถทำงานด้วยตัวเองได้อย่างอิสระ
เมื่อตัดสินใจเรียนคอร์สภาษา สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาคือคอนเนคชั่นและชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมาเรียนต่างประเทศที่ต้องเสียทั้งเงินและเวลาเป็นจำนวนมาก มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่มีคอนเนคชั่นที่ดีกับบริษัทต่างชาติและสถาบันการศึกษาต่างประเทศหลายแห่ง จึงสามารถช่วยให้นักศึกษามีโอกาสไปศึกษาต่อยังที่ต่างๆ ได้หลายประเทศ หากสนใจเรียนภาษาฝรั่งเศส และชื่นชอบบรรยากาศเมืองทางใต้ของฝรั่งเศส คุณอาจลองมองหามหาวิทยาลัยในเมือง Cannes, Nice หรือ Monaco
หลักสูตรส่วนใหญ่มีเนื้อหาครอบคลุมทั้งทฤษฎีภาษาศาสตร์, ประวัติศาสตร์ของภาษา ไปจนถึงอิทธิพลของวัฒนธรรมที่มีต่อภาษา และวรรณกรรม คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าหลักสูตรที่เลือกตรงกับความสนใจของตัวเองอย่างแท้จริง
ก่อนยื่นใบสมัครอย่าลืมตรวจเช็คข้อกำหนดในการรับเข้าศึกษา และความพร้อมทางด้านการเงินของตัวเองด้วย คุณจะต้องมีเกรดและประสบการณ์ทำงานผ่านเกณฑ์ตามที่มหาวิทยาลัยตั้งไว้ และมีเงินมากพอสำหรับค่าธรรมเนียมการศึกษา รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ในชีวิตประจำวัน หากมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายควรมองหามหาวิทยาลัยที่มีทุนสนับสนุนแก่นักศึกษาขาดแคลนเอาไว้ด้วย