ในบรรดาหลักสูตรการศึกษาทั้งหมด การเรียนเกี่ยวกับสื่อมักจะได้รับความเห็นว่า เป็นสาขาวิชาที่มีการถกเถียงโต้แย้งกันมากที่สุด นับตั้งยุค 1970 ที่มีการให้เสรีภาพกับสื่อมากขึ่น ทำให้เนื้อหาของหลักสูตรนี้สามารถมีความแตกต่างกันออกไปได้หลากหลายมาก จนมาถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน ที่สื่อมวลชนเริ่มได้รับความสนใจน้อยลง เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในโลกดิจิตอล อัตราผู้ใช้โซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้คนบางกลุ่มหันมารับข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดีย หรือบางคนก็วางตัวเป็นนักข่าวพลเมืองเสียเอง และพฤติกรรมบางอย่างของสื่อมวลชนอังกฤษ อย่างเช่น กรณี The Leveson Inquiry ที่เกี่ยวกับจริยธรรมสื่อกับบทบาทเจ้าพนักงานของรัฐในอังกฤษในการกำกับดูแลสื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งทำให้เกิดข้อถกเถียงมากมาย ระหว่างฝ่ายที่เห็นด้วยเนื่องจากเคยถูกละเมิดสิทธิจากสื่อ และฝ่ายที่ต่อต้านซึ่งเห็นว่าสื่อควรสามารถดำเนินการได้อย่างเป็นอิสระ
ผู้เรียนด้านสื่อในระดับปริญญา จะมีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นหรือวิจารณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้นในสังคม ผ่านช่องทางต่างๆ อย่างเช่น สิ่งพิมพ์ของมหาวิทยาลัย และอาจขยายขอบเขตไปยังสื่อที่เข้าถึงคนหมู่มากทั้งหลายด้วย
ศิษย์เก่าสาขาวิชาสื่อศึกษา สามารถนำทักษะด้านการสื่อสารไปประกอบอาชีพได้มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะด้านการใช้โซเชียลมีเดีย ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับงานด้านสื่อได้หลายบทบาท ไม่ว่าจะเป็นแอดมินเว็บไซต์ แอดมินประจำโซเชียลมีเดีย คอยดูแลเนื้อหาต่างๆ บนสื่อออนไลน์ หรือทำงานด้านโฆษณาและการตลาด ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
นอกจากนี้บัณฑิตส่วนใหญ่ยังนิยมศึกษาต่อในคอร์สที่เฉพาะทางมากยิ่งขึ้น โดยอาจจะเรียนต่อปริญญาโท ในสาขาวิชาที่สนใจ หรือลงคอร์ส NCTJ: National Council for the Training of Journalists เพื่อจบไปทำงานด้านวารสารศาสตร์ หรือลงคอร์ส Graduate Diploma in Law (GDL) เพื่อผันตัวไปทำงานด้านกฎหมายก็สามารถทำได้เช่นกัน และเนื่องจากบุคลากรครูในประเทศอังกฤษค่อนข้างขาดแคลน คุณจึงอาจจะสามารถขอทุนการศึกษาได้ หากเรียนต่อคอร์ส Postgraduate Certificate in Education (PGCE) เพื่อทำงานเป็นครู
ส่วนบัณฑิตที่มีความสามารถด้านการเขียน ก็มักทำงานเป็นก็อปปี้ไรเตอร์ หรือ ผู้เขียนใบเสนอราคา รายได้เฉลี่ยเริ่มต้นของผู้จบสาขาวิชานี้ในประเทศอังกฤษอยู่ที่ 17,358 ปอนด์ต่อปี (ประมาณ 824,000 บาท) โดยบัณฑิตจบใหม่ส่วนใหญ่นิยมทำงานเป็นฟรีแลนซ์ อย่างเช่นฟรีแลนซ์ก็อปปี้ไรเตอร์ หรือ ฟรีแลนซ์รับเขียนเนื้อหาออนไลน์
หากมาจากประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก สิ่งสำคัญที่สุดก่อนเริ่มคอร์สคือ คุณต้องแสดงให้คณะกรรมการที่พิจารณาใบสมัครเห็นว่า คุณมีทักษะด้านภาษาอังกฤษมากพอที่จะติดตามรายวิชาได้อย่างราบรื่น ด้วยการยื่นผลคะแนนการทดสอบทักษะภาษาอังกฤษ อย่างเช่น คะแนนสอบ IELTS ไปกับใบสมัครด้วย
แต่ละมหาวิทยาลัยจะมีมาตรฐานในการรับสมัครนักศึกษาที่แตกต่างกันออกไป แต่หลักสูตรส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ว่า ในระดับปริญญาตรี ผู้สมัครจะต้องมีผลการเรียนระดับ 3 A-levels ขึ้นไป หรือเทียบเท่าสำหรับนักเรียนจากประเทศที่ใช้ระบบการศึกษาต่างจากประเทศอังกฤษ และจะใช้เวลาเรียนประมาณ 3 ปี บางมหาวิทยาลัยอาจจะขยายเวลาเรียนเพิ่มอีก 1 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนเพิ่มเติมที่ต่างประเทศ หรือฝึกปฏิบัติงานจริงกับหน่วยงานด้านสื่อ
แม้เงินเดือนเริ่มต้นของบัณฑิตจบใหม่จะไม่สูงนัก แต่ก็มีอุตสาหกรรมสื่อบางประเภทที่ให้ค่าตอบแทนสูงกว่าบริษัทอื่นๆ ซึ่งก็จะมีการแข่งขันในการสมัครงานสูงมากเช่นกัน ดังนั้น คุณจึงควรเลือกเรียนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง มีหลักสูตรที่ดี และสนับสนุนให้นักศึกษาหาประสบการณ์ระหว่างเรียนกับบริษัทด้านสื่อที่หลากหลาย
สำหรับการเรียนสาขาวิชาสื่อ การเลือกสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัย จะส่งผลอย่างมากต่อการหางานในอนาคต นอกจากพิจารณาเรื่องความสุขในการใช้ชีวิตแล้ว มหาวิทยาลัยที่คุณเลือกยังต้องพร้อมสำหรับการสนับสนุน ให้คุณเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านการผลิตสื่อมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และควรเลือกมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านอุตสาหกรรมสื่อและศิลปะ เพื่อความง่ายต่อการหาที่ฝึกปฏิบัติงานจากพื้นที่โดยรอบ จะได้ไม่ต้องเสียเงินและเวลาในการเดินทาง
นอกจากนี้คุณยังควรเลือกเมืองให้เหมาะสมกับบุคลิกภาพของตัวเองด้วย หากคุณเป็นคนเปิดเผย ชอบเข้าสังคม ชอบทำกิจกรรม และชอบหาประสบการณ์ใหม่ๆ การเลือกมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองใหญ่ ก็น่าจะทำให้คุณมีความสุขมากกว่า แต่ถ้าคุณชอบบรรยากาศที่ไม่วุ่นวาย และอบอุ่นเป็นกันเอง ก็ควรเลือกมหาวิทยาลัยในเมืองเล็กอันเงียบสงบ
เมื่อตัดสินใจเรียนด้านสื่อแล้ว คุณจะต้องใช้เวลาเรียนคอร์สนี้อย่างน้อย 3 ปี และไม่ว่าคุณอยากจะเรียนเขียนข่าวแฟชั่นและนวัตกรรมใหม่ๆ เรียนเขียนสคริปต์ข่าวทางวิทยุ หรืออื่นๆ อีกมากมายตามที่คุณสนใจ คอร์สนี้ก็มีหลักสูตรในระดับปริญญาตรีในเลือกเรียนมากมาย ดังนั้นจึงควรเลือกหลักสูตรให้ตรงกับความสนใจของตัวเองมากที่สุด
ค่าธรรมเนียมการศึกษาและเกรดของคุณ ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่อย่างเช่น City University จะกำหนดเกรดไว้ค่อนข้างสูงทีเดียว ผู้สมัครต้องมีผลการศึกษาระดับ 3A-levels ขึ้นไปหรือเทียบเท่าในเกรดที่สูงพอ อย่าลืมตรวจเช็คให้แน่ใจว่าเกรดของคุณผ่านเกณฑ์การรับสมัครไหม? คุณมีปัญหาเรื่องค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือไม่? ถ้ามีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย คุณควรมองหามหาวิทยาลัยที่มีทุนสนับสนุนสำหรับนักศึกษาขาดแคลนไว้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งด้วย