เภสัชวิทยาในภาษาอังกฤษคือคำว่า Pharmacology ซึ่งมีที่มาจากคำว่า Pharmakon ในภาษากรีก สาขาวิชานี้เป็นวิชาวิทยาศาสตร์ประยุกต์ ที่ศึกษาเกี่ยวกับยาในด้านการออกฤทธิ์ ทั้งในระดับโมเลกุลจนถึงระบบอวัยวะ รวมถึงการค้นพบและพัฒนายาชนิดใหม่ๆ เภสัชวิทยาเป็นสาขาวิชาที่มีการศึกษาค้นคว้ากันมาเป็นเวลานับพันปี โดยในยุคก่อนจะเน้นที่การนำพืชสมุนไพรมาใช้เป็นยารักษาโรคเท่านั้น ต่างจากทุกวันนี้ที่เภสัชวิทยาได้รับอิทธิพลมาจากความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในศตวรรษที่ 19 จึงมีเทคนิคในการคิดค้นยาชนิดต่างๆ ที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ในศตวรรษที่ 21 นี้ ทุกคนต่างตระหนักดีว่า เภสัชวิทยามีความสำคัญอย่างมากต่อชีวิตประจำวันของคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นยาแก้ปวดทั่วไปอย่างพาราเซตามอลและไอบูโพรเฟน ไปจนถึงยาสำหรับรักษาโรคหัวใจ หลอดเลือด และระบบประสาท ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีพของมนุษย์
หากคุณสนใจศึกษาเกี่ยวกับการทำงานของร่างกายมนุษย์ และต้องการทำงานเกี่ยวกับยาและการรักษาโรค สาขาวิชาเภสัชวิทยาก็น่าจะเหมาะสำหรับคุณ
ผู้เรียนจะต้องมีความถนัดในวิชาวิทยาศาสตร์ และควรมีประสบการณ์ในวิชาเคมีและวิชาชีววิทยามาก่อน เพราะเนื้อหาของทั้งสองวิชานี้จำเป็นอย่างมากต่อการศึกษาหลักสูตรเภสัชวิทยา
ผู้เรียนเภสัชวิทยาต้องพร้อมทำงานหนักเป็นพิเศษ ในการรับมือกับเนื้อหาทฤษฎีทางเภสัชวิทยา ที่มีข้อมูลเยอะและค่อนข้างซับซ้อน และผู้เรียนยังต้องเรียนรู้เพิ่มเติมนอกเหนือจากการเรียนในห้อง และดำเนินการศึกษาวิจัยอิสระด้วยตัวเองในหัวข้อที่ได้รับการอนุมัติอีกด้วย
อุตสาหกรรมยารักษาโรค ต้องการตัวบุคลากรที่มีความรู้ด้านเภสัชวิทยาเป็นอย่างมาก ทุกวันนี้ในประเทศอังกฤษมีเงินหมุนเวียนอยู่ในอุตสาหกรรมยารักษาโรคกว่า 12 ล้านปอนด์ (ประมาณ 570 ล้านบาท) ผู้ที่จบด้านเภสัชวิทยาจึงมีโอกาสในการประกอบอาชีพค่อนข้างมากทีเดียว ศิษย์เก่าส่วนใหญ่นิยมทำงานให้กับ สถาบันประกันสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ (NHS: National Health Service) ทำหน้าที่จัดยาและให้คำแนะนำทางการแพทย์แก่ประชาชน ส่วนบริษัทผลิตยาทั้งหลายก็ต้องการตัวเภสัชกรที่มีความรู้ความสามารถ มาทำหน้าที่ค้นคว้าวิจัยและพัฒนายาชนิดใหม่ๆ เช่นกัน
นอกจากนี้บัณฑิตสาขาวิชาเภสัชวิทยา ยังเป็นที่ต้องการตัวอย่างมาก ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการดูแลสังคม อย่างเช่น ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุก็ต้องการตัวบุคลากรที่มีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับยาและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
หากไม่ต้องการทำงานด้านเภสัชวิทยาโดยตรง บัณฑิตยังสามารถผันตัวไปทำงานด้านวารสารศาสตร์ เขียนบทความเฉพาะทางเกี่ยวกับการใช้ยาและการดูแลสุขภาพ หรือเรียนต่อคอร์ส Graduate Diploma in Law (GDL) เพื่อผันตัวไปทำงานด้านกฎหมาย โดยเน้นไปที่กฎหมายเกี่ยวกับทางการแพทย์โดยเฉพาะ ก็สามารถทำได้เช่นกัน
มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่กำหนดเกณฑ์การรับสมัครไว้ว่า ผู้สมัครระดับปริญญาตรีจะต้องมีผลการเรียนระดับ A-levels ขึ้นไปในวิชาวิทยาศาสตร์ และในระดับปริญญาโทผู้สมัครจะต้องมีผลการเรียนระดับ 2:1 ขึ้นไป ก่อนยื่นใบสมัครไปยังคอร์สเภสัชวิทยา อย่าลืมตรวจเช็คให้แน่ใจว่าเกรดและคุณสมบัติของคุณ ผ่านเกณฑ์ตามที่มหาวิทยาลัยตั้งไว้ และคอร์สนี้ต้องใช้ระยะเวลาเรียนหลายปี คุณจึงต้องคำนวณให้รอบคอบว่า ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าที่พักและค่าครองชีพ อยู่ในระดับที่สามารถรับผิดชอบได้หรือไม่ หากไม่ได้มีความพร้อมด้านการเงินมากนัก ก็ควรมองหาสถาบันที่มีทุนสนับสนุนแก่นักศึกษาขาดแคลนไว้เป็นทางเลือกหนึ่งด้วย
เมื่อตัดสินใจเรียนด้านเภสัชวิทยาแล้ว คุณควรพิจารณาเรื่องการเลือกหลักสูตรอย่างรอบคอบ และเลือกหลักสูตรที่ตรงกับความสนใจของตัวเองมากที่สุด นอกจากนี้เรื่องประสบการณ์ฝึกปฏิบัติงานก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้นักศึกษาได้รับการฝึกอบรมที่ดีที่สุด สถาบันการศึกษาหลายแห่ง จึงมักสานสัมพันธ์กับหน่วยงานด้านสุขภาพประจำท้องถิ่นและบริษัทชั้นนำด้านการวิจัยไว้เป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อการฝึกงานแล้ว ยังช่วยเพิ่มโอกาสได้งานที่ดีในอนาคตเมื่อจบการศึกษาอีกด้วย
การเลือกสถานที่ตั้งของสถานศึกษาก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องจากบ้านมาไกลเพื่อมาเรียนต่อ ซึ่งเสียทั้งเวลาและเงินเป็นจำนวนไม่น้อย คุณควรเลือกเมืองที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมแก่การเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตอย่างมีความสุข และควรพิจารณาถึงวัฒนธรรมโดยรอบสถานศึกษา ที่จะทำให้คุณอยู่ได้อย่างสบายใจ และได้รับประโยชน์จากการศึกษามากที่สุดด้วย