การแสดงและศิลปการละคร เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวบางอย่างที่ต้องการสื่อสาร ผ่านการแสดงอย่างมีศิลปะของนักแสดง คำว่า ‘ศิลปการแสดง’ ถูกใช้ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1711 เพื่อจัดหมวดหมู่ของสิ่งที่เรียกว่าการแสดงโดยใช้ร่างกาย ซึ่งมีหลากหลายประเภททั้งการเต้นรำ การเล่นละครใบ้ การเล่นละครตามท้องเรื่อง ไปจนถึงการแสดงประกอบดนตรี
ในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล ศิลปะการแสดงเริ่มได้รับความนิยมขึ้น จากการที่ชาวกรีกโบราณรวมกลุ่มกัน เต้นรำและเล่นดนตรีประกอบการอ่านบทกวีและบทร้อยแก้วที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ต่อมาศิลปะการแสดงก็เสื่อมความนิยมลง ก่อนจะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งในคริสต์ศตวรรษที่ 15 ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาอิตาลี ซึ่งนำไปสู่กระแสเฟื่องฟูของละครสวมหน้ากาก (Elizabethan Masque) ละครรูปแบบหนึ่งที่นิยมเล่นกันในราชสำนักยุโรป และพัฒนาไปสู่ละครทั่วไปจากคณะละครต่างๆ ที่มีบทประพันธ์สนุกสนานน่าติดตาม อย่างเช่น ละครจากบทประพันธ์ของวิลเลียม เช็กสเปียร์
พัฒนาการของสื่อรูปแบบใหม่ๆ ในปัจจุบัน ทำให้แวดวงศิลปการละครมีการพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง การแสดงร่วมสมัยในทุกวันนี้ มักนำสื่อต่างๆ มาผสมผสานกัน เพื่อขยายขอบเขตของการแสดง และสรรหาเทคนิควิธีการใหม่ๆ มาใช้ประกอบการแสดงให้น่าติดตามมากยิ่งขึ้น
เช่นเดียวกับสาขาวิชาการเต้น แฟชั่น และหลักสูตรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์ เงื่อนไขในการรับสมัครนักศึกษาจะค่อนข้างมีความยากเล็กน้อย ในระดับปริญญาตรี ผู้สมัครจะต้องมีผลการเรียนอย่างน้อยระดับ 3 A-levels ขึ้นไป หรือเทียบเท่าสำหรับนักเรียนจากประเทศที่ใช้ระบบการศึกษาต่างจากประเทศอังกฤษ ส่วนในระดับปริญญาโทผู้สมัครจะต้องมีผลการเรียนระดับ 2:1 ขึ้นไป
ผู้สมัครจะต้องผ่านการออดิชั่นทดสอบทักษะด้านการแสดง และผู้มาจากประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก จะต้องสอบ IELTS ได้อย่างน้อย 6.0 คะแนนขึ้นไป
หลักสูตรปริญญาตรีส่วนใหญ่ ใช้เวลาเรียนประมาณ 3 ปี การเรียนการสอนจะเน้นเทคนิคเกี่ยวกับการแสดงรูปแบบต่างๆ ส่วนคอร์สระดับสูงกว่าปริญญาตรีขึ้นไป จะใช้เวลาเรียนประมาณ 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับระดับการศึกษา และขึ้นอยู่กับว่าเนื้อหาของหลักสูตรจะมุ่งเน้นศึกษาด้านใดเกี่ยวกับการแสดงเป็นพิเศษ คอร์สนี้อาจมีการเรียนทฤษฎีทางการละคร และส่งงานที่เป็นข้อเขียนบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเน้นการฝึกปฏิบัติมากกว่า
ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาคือสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัย คุณจะต้องใช้เวลาอยู่ที่นั่นเป็นปี จึงควรเลือกเมืองให้เหมาะสมกับรสนิยมและบุคลิกภาพของตัวเอง อย่าลืมพิจารณาเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และตรวจเช็คคำถามสำคัญต่อไปนี้ เมืองที่เลือกนั้นมีแหล่งความรู้ด้านศิลปการละคร ที่คุณสามารถเข้าไปหาความรู้ คอนเนคชั่น และประสบการณ์เพิ่มเติม อยู่ในละแวกใกล้เคียงบ้างไหม? มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่อการฝึกปฏิบัติด้านการละครเพียงพอหรือไม่? คุณควรเลือกเมืองที่เป็นศูนย์กลางความคิดสร้างสรรค์ เจริญเติบโตทางด้านศิลปะและการละคร เพื่อที่คุณจะได้มีโอกาสได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์และพัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่
การเข้าสู่แวดวงการแสดงป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก หากคุณวางแผนไว้ว่าอยากทำงานในวงการละครเวที ละครโทรทัศน์ หรือภาพยนตร์ คุณควรมองหาสถาบันการศึกษาที่มีความสัมพันธ์อันดีกับบริษัทเหล่านั้น เอาไว้เป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ และใช้ประโยชน์จากคอนเนคชั่นให้คุ้มค่า
ค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน นับเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ก่อนยื่นใบสมัครไปยังมหาวิทยาลัยที่ต้องการ ควรลองลิสต์ค่าใช้จ่ายทั้งหมดออกมา และประเมินสถานการณ์ว่าคุณจะสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้หรือไม่ หากมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ควรมองหามหาวิทยาลัยที่มีทุนสนับสนุนแก่นักศึกษาขาดแคลนเอาไว้เป็นทางเลือกหนึ่งด้วย และอย่าลืมประเมินตัวเองด้วยว่า ทักษะทางการแสดงของคุณดีพอสำหรับการออดิชั่นหรือยัง หากคุณยังไม่มั่นใจ ก็ควรฝึกซ้อมและหาประสบการณ์ในการแสดงเพิ่มเติม