การบำบัดโรค เป็นการรักษารูปแบบหนึ่งที่ครอบคลุมหลายหัวข้อในทางการแพทย์ โดยมีหลักการว่าจะต้องดูแลรักษาร่างกายควบคู่ไปกับการดูแลจิตใจ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทางการรักษา
ถึงแม้จะไม่มีการออกเป็นกฎระเบียบข้อบังคับอย่างเคร่งครัดว่า พนักงานที่ทำงานด้านการบำบัดโรคจะต้องจบการศึกษาหลักสูตรการบำบัดโรคโดยตรง แต่หากสนใจทำงานด้านนี้อย่างจริงจัง คุณก็ควรลงเรียนคอร์สการบำบัดโรคแบบเฉพาะทาง จะได้มีความเชี่ยวชาญด้านนี้อย่างแท้จริงและมีความน่าเชื่อถือ
สาขาวิชาการบำบัดโรคในระดับปริญญาตรีจะใช้เวลาเรียนประมาณ 3 ปี แต่ก็อาจจะมีบางหลักสูตรที่ขยายเวลาเรียนเพิ่มขึ้นอีก 1 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติงานจริงในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนอกจากนี้ก็ยังมีหลักสูตรระยะสั้นให้เลือกเรียนอีกมากมาย สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกจะเรียนหลักสูตรระยะยาว
ส่วนในระดับปริญญาโท จะใช้เวลาเรียนอย่างน้อย 1 ปี และผู้สมัครจะต้องมีผลการเรียนระดับ 2:1 ขึ้นไปในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง หรือเคยมีประสบการณ์ทำงานในด้านที่เกี่ยวข้องมาก่อน และในระดับปริญญาตรี ผู้สมัครจะต้องมีผลการเรียนระดับ 3 A-levels ขึ้นไปหรือเทียบเท่าในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง
มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ ยินดีพิจารณาใบสมัครของนักศึกษาต่างชาติ แต่ผู้มาจากประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก จะต้องสอบ IELTS ได้อย่างน้อย 6.0-6.5 คะแนนขึ้นไป เพื่อให้ทางมหาวิทยาลัยมั่นใจว่าภาษาอังกฤษจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการเรียนของคุณ
เมื่อพิจารณาหาสถานที่เรียน อย่าลืมว่าคุณต้องใช้เวลาอยู่ที่นั่นอย่างน้อยเป็นปี คุณจึงควรเลือกเมืองให้เหมาะกับบุคลิกภาพของตัวเอง และอย่าลืมว่าการหาความสุขในการใช้ชีวิตควบคู่ไปกับการเรียนก็เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องแฮงค์เอาท์สุดเหวี่ยงในทุกปาร์ตี้ แต่แค่ลองมองหากิจกรรมสนุกๆ ที่เหมาะกับบุคลิกของตัวเองทำดู อย่าปล่อยให้ชีวิตนักศึกษาจืดชืดจนเกินไปนัก
บัณฑิตจบใหม่หลายคน ได้ใช้ประโยชน์อย่างมากจากการฝึกงานระหว่างเรียน ดังนั้น คุณจึงควรเลือกฝึกงานในบริษัทที่ใหญ่และมีความน่าเชื่อถือสูง และจะเป็นการดีมากหากคุณรู้ตัวเองอย่างชัดเจนว่า ต้องการทำงานอยู่ส่วนไหนของอุตสาหกรรมการบำบัดโรค เพราะแต่ละคอร์สก็จะมีเนื้อหาหลักสูตรที่เน้นเฉพาะทางแตกต่างกันออกไป คุณควรเลือกคอร์สเรียนให้ตรงกับลักษณะงานที่ต้องการทำในอนาคตมากที่สุด
สำหรับสาขาวิชานี้ สถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยจะมีผลอย่างมากต่อการทำงานในอนาคต นอกจากคำนึงถึงสถานที่ที่คุณจะอยู่ได้อย่างมีความสุขแล้ว คุณควรเลือกสถานที่ที่คุณจะสามารถได้รับประสบการณ์ทำงานอย่างเต็มที่ด้วย หากเป็นไปได้คุณควรเลือกเมืองที่มีการเติบโตของอุตสาหกรรมการบำบัดโรค ซึ่งนอกจากจะมีการเรียนการสอนที่ดีกว่าแล้ว ยังเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการหาที่ฝึกปฏิบัติงาน
อย่าลืมพิจารณาเงื่อนไขการรับเข้าศึกษาและค่าใช้จ่ายในการศึกษา ก่อนยื่นใบสมัครไปยังมหาวิทยาลัยที่ต้องการด้วย ลองเช็คดูว่าผลการเรียนของคุณผ่านเกณฑ์ที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดไว้หรือไม่ ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าที่พักและค่าครองชีพ อยู่ในระดับที่คุณสามารถรับผิดชอบได้หรือไม่ หากไม่ได้มีความพร้อมด้านการเงินมากนัก ก็ควรมองหาสถาบันที่มีทุนสนับสนุนแก่นักศึกษาขาดแคลนไว้เป็นทางเลือกหนึ่งด้วย