
มาสร้างกลยุทธ์จำคำศัพท์กัน
การที่จะสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นมากที่ต้องมีการพัฒนาทักษะที่จำเป็น โดยเฉพาะทักษะทางด้านการใช้คำศัพท์ เพราะผู้คนส่วนใหญ่จะโดนตัดสินว่าเป็นคนพูดเก่งหรือไม่เก่งก็ด้วยการใช้คำศัพท์เสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นแล้ว การพัฒนาทักษะการใช้คำศัพท์จึงเป็นเรื่องสำคัญ
และนี่คือกลยุทธ์ที่ช่วยให้เราสามารถพัฒนาคลังคำศัพท์ของเราได้
อ่านบ่อยๆจนเป็นนิสัย
คนที่มีคลังคำศัพท์มาก ส่วนใหญ่แล้วคือคนที่ชอบอ่านจนเป็นนิสัย เพราะเรามักจะเจอศัพท์ใหม่ๆจากทั้งหนังสือ, แมกกาซีน รวมถึงหนังสือพิมพ์ โดยวิธีที่ดีที่พัฒนาความรู้ด้านคำศัพท์ก็คือการอ่านสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีหัวข้อที่แตกต่างกัน และในระหว่างที่อ่านถ้าเจอศัพท์ที่ไม่เข้าใจ ก็ให้ใช้วิธีการเดาความหมายโดยใช้ความหมายจากบริบทแทนการเปิดดิกชันนารี เพราะการทำเช่นนี้จะทำให้เราจำความหมายของของศัพท์ได้ดีกว่า
เชื่อมโยงกับเรื่องของตัวเอง
ลองเชื่อมโยงคำศัพท์เข้ากับชีวิตประจำวันของเรา เพราะมันจะทำให้เราจำได้ง่ายขึ้น โดยวิธีที่ดีที่สุดก็คือเชื่อมโยงศัพท์ใหม่ๆกับคนที่เรารู้จัก, สถานที่ที่คุ้นเคย หรือเหตุการณ์สำคัญๆของเรา การทำเช่นนี้เป็นการสร้างความสัมพันธ์ให้กับคำศัพท์ ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางการจำศัพท์ที่สร้างสรรค์และเป็นที่นิยมมาก
เล่นเกมเกี่ยวกับคำศัพท์
การเล่นเกมคำศัพท์เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพมากในการพัฒนาทักษะด้านนี้ ด้วยความที่เกมจะมีความสนุกอยู่ในตัวมันเอง จึงทำให้เราสามารถเล่นพร้อมกับเรียนรู้ศัพท์ได้โดยไม่รู้เบื่อ และนี่คือตัวอย่างของเว็บไซต์ที่มีเกมเกี่ยวกับคำศัพท์ให้เราสามารถไปเล่นได้ฟรี
Visaulesl มีแบ่งเป็นหลายระดับเบื้องต้น ขั้นกลาง และ ขั้นสูง ให้เลือกเล่น– http://www.visualesl.com/
การ์ดVocaburary แบ่งตามสาขาวิชา – http://www.studystack.com/
Shockwave - http://www.shockwave.com/wordgames.jsp
Terragame – http://www.terragame.com/downloadable/word/index_1_sort2.html
การทบทวนคำศัพท์
หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มศัพท์ในคลังของเราก็คือการทบทวนเป็นประจำ ในหนึ่งๆวันเราควรจะหาเวลาทบทวนคำศัพท์คำที่เราต้องการจะจำหรือเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง โดยเขียนลงในกระดาษจดคำศัพท์เพื่อใช้ทบทวนระหว่างวัน
ส่วนอีกวิธีหนึ่งที่มักจะใช้ในการจดจำคำศัพท์ใหม่ๆควบคู่กันไปด้วย ก็คือการสร้างประโยคที่มีคำศัพท์นั้นๆอยู่ในประโยคด้วย เพื่อสร้างความเชื่อมโยงและความคุ้นเคยในการใช้คำศัพท์ไปพร้อมๆกัน
ที่มา educationcorner.com