โครงสร้างการศึกษาขั้นอุดมศึกษาในแคนาดา
การศึกษาขั้นอุดมศึกษาในแคนาดาค่อนข้างคล้ายคลึงกับการศึกษาในอเมริกาถึงแม้ว่าจะได้รับอิทธิพลจากระบบของอังกฤษด้วยเช่นกัน
ในแคนาดา แต่ละมณฑลและเขตปกครองพิเศษจะรับผิดชอบการศึกษาแต่ละระดับภายในเขตของตนรวมถึงระดับมหาวิทยาลัยด้วย คือไม่มีการรับรองวิทยฐานะระดับรัฐ ซึ่งหมายถึงแต่ละมณฑลและ เขตปกครองพิเศษกำหนดมาตรฐานการศึกษาและประเด็นต่าง ๆ และจะกำหนดมาตรฐานอย่างเคร่งครัดเพื่อทำให้มั่นใจในคุณภาพได้
ในหนึ่งปีจะแบ่งออกเป็น 3 ภาคการศึกษา (semester) คือ ภาคฤดูใบไม้ร่วง (ปลายสิงหาคม/เริ่มกันยายนถึงธันวาคม/มกราคม) ภาคฤดูหนาว (มกราคมถึงเมษายน) และภาคฤดูร้อน (เมษายน/พฤษภาคม ถึงกรกฎาคม)
ความแตกต่างระหว่างรัฐควิเบกและส่วนที่เหลือของแคนาดา
มีความแตกต่างบ้างในการจัดโครงสร้างสิ่งต่าง ๆ ในควิเบกหากเทียบกับส่วนอื่นของแคนาคา ในควิเบก “วิทยาลัย” หมายถึงโปรแกรมการเรียนเตรียมมหาวิทยาลัย 2 ปี หรือโปรแกรมเรียนวิชาชีพ 3 ปี โดยภายหลังจากนั้นนักเรียนสามารถเรียนต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยได้ซึ่งปกติใช้เวลานาน 3 ปีก็จะได้รับปริญญาตรี หลังจากนั้นสามารถต่อโปรแกรมสูงกว่าปริญญาตรีได้ (1-2 ปีจะได้ปริญญาโทและอีก 3-4 ปี ก็จะได้รับปริญญาเอก)
สำหรับที่อื่นในแคนาดา “วิทยาลัย” หมายถึง วิทยาลัยชุมชน หรือโรงเรียนเทคนิคซึ่งนักเรียนอาจได้รับcertificate, diploma หรืออนุปริญญา (associate’s degree) นักเรียนสามารถเรียนคอร์สปริญญตรีหรือคอร์สระดับสูงกว่าปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัย (แม้ว่าจะต้องใช้ปริญญาเกียรตินิยมในการเรียนต่อ) ในขณะที่ในบัณฑิตวิทยาลัยอาจได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (advanced certificate) ปริญญาหรือประกาศนียบัตรชั้นสูง (diploma)
ประเภทของสถาบัน
ในแคนาดามีสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาหลากหลายแห่งให้เลือก แต่ละแห่งตั้งในสิ่งแวดล้อมที่หลากหลายและมีชื่อเสียงในสาขาที่โดดเด่น เช่นเดียวกับที่สหรัฐฯ ที่แคนาดานั้นคุณจะสามารถเลือกที่จะเรียนวิทยาลัยเทคนิคหรือวิทยาลัยชุมชนหากคุณมีอาชีพเฉพาะไว้ในใจหรือคุณอาจย้ายไปเรียนต่อยังมหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรีได้
ข้อแนะนำเกี่ยวกับประเภทต่างๆ ของสถาบันในแคนาดามีดังนี้
วิทยาลัยศิลปศาสตร์
เช่นเดียวกับวิทยาลัยศิลปศาสตร์ในอเมริกา วิทยาลัยเหล่านี้เน้นคอร์สระดับปริญญาตรีด้านศิลปศาสตร์ซึ่งโดยปกติแล้วจะรวมความรู้จากหลายสาขาวิชามาประกอบกัน (คือจะคาบเกี่ยวกันมากกว่า 1 สาขาวิชา) ซึ่งก็คือมนุษยศาสตร์แต่ก็รวมด้านสังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ (natural science) และวิทยาศาสตร์รูปนัย (formal science)
สถาบันของรัฐ
สถาบันของรัฐเป็นสถาบันที่รับเงินทุนอุดหนุนจากรัฐบาลแห่งมณฑล เขตปกครองพิเศษ และ/หรือรัฐบาลของสหพันธ์ ถึงแม้ว่าสถาบันจะเก็บเงินค่าเล่าเรียนจากนักเรียนและยอมรับเงินทุนอุดหนุนของเอกชน
สถาบันเอกชน
โดยทั่วไปแล้ว สถาบันเอกชนจะไม่ขอรับเงินทุนจากรัฐบาลแห่งมณฑล เขตปกครองพิเศษหรือรัฐบาลแห่งสหพันธ์ แต่จะรับเงินจากการบริจาคของสมาคมนักเรียนเก่าที่มีฐานะดีและเงินวิจัยของคณะและ เงินค่าเล่าเรียนตามแบบประเพณีปฏิบัติ มหาวิทยาลัยเอกชนมักจะดึงดูดและเก็บสต้าฟที่เก่งในสาขาที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยไว้
ประเพณีนิยมทางวิชาการ
การติดต่อประสานงานกับสต๊าฟของมหาวิทยาลัย
นักเรียนจะเห็นได้ว่า การติดต่อกับอาจารย์อาจจะต่างจากที่เคยชินจากประเทศของตนเอง อาจารย์จะมีเวลาที่จัดเฉพาะให้เข้าพบได้โดยคุณจะเข้าพบอาจารย์พร้อมคำถามเกี่ยวกับงานโดยอาจารย์จะเป็นบุคคลที่เข้าถึงได้ง่าย นอกจากนั้นอาจารย์จะตอบคำถามนักศึกษาในช่วงการมีบรรยาย (lectures)
แผนการจัดคอร์ส
คุณอาจคาดหวังที่จะลงเรียน 5 คอร์สต่อภาคเรียน ซึ่งคอร์สเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร แต่ละคอร์สจะเป็นการเข้าฟังบรรยาย 2 ชั่วโมงและการติว 1 ชั่วโมงโดยผู้สอนจะมีการเปิด discussion โดยใช้แนวทางจากการบรรยายหรืองานที่ได้มอบหมายให้นักศึกษาอ่านประจำสัปดาห์
ความหลากหลายทางวัฒนธรรม
ตามที่คุณได้อ่านในคู่มือของพวกเรา “ทำไมถึงเรียนในแคนาดา” แคนาดาถือความหลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างเคร่งครัดโดยให้เป็นนโยบายอันดับแรกซึ่งลงมติยอมรับในทศวรรษที่ 1970 และยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ดังนั้น คุณสามารถคาดหวังได้ว่าการเรียนไปพร้อมกับนักเรียนนักศึกษาที่หลายหลายเช่นเดียวกันกับการเรียนจากอาจารย์ซึ่งเดินทางมาจากทั่วโลก (หรืออย่างน้อยที่สุดมีประสบการณ์ทำงานในต่างประเทศ)
ระบบคำศัพท์
แคนาดาใช้ศัพท์เฉพาะทางร่วมกับสหรัฐฯ หากเป็นเรื่องทางการศึกษาระดับอุดมศึกษา ยกตัวอย่างเช่น คำว่า “โรงเรียน (school)” ใช้ในความหมายทั่วไปกับทุกอย่างจากโรงเรียนอนุบาล/โรงเรียนเตรียมถึงมหาวิทยาลัย คุณอาจจะพูดแค่ว่า “I am studying English” มากกว่า “I am reading English” ซึ่งคุณจะเห็นในบางมหาวิทยาลัยในอังกฤษ
คุณสามารถอ่านประมวลคำศัพท์เฉพาะในการเรียนระดับอุดมศึกษาในแคนาดาที่นี่