ขั้นตอนการสมัครเข้ามหาลัยเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะต้องผ่านไปให้ได้ก่อนที่เราจะได้ไปเรียนในต่างประเทศ ซึ่งขั้นตอนของแคนาดาจะต่างจากประเทศอื่นๆอยู่บ้าง โดยเฉพาะวิธีการพิจาณาเอกสารเพื่อเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย
ในอเมริกาและหลายๆประเทศจะใช้พิจารณาประสบการณ์อาสาสมัครและกิจกรรมเพิ่มเติมนอกเหนือจากผลการเรียน แต่เกรดจะถือเป็นสิ่งที่มหาวิทยาลัยในแคนาดาจะให้น้ำหนักมากกว่าในการพิจารณาเพื่อสอบเข้า
เพื่อที่จะให้ได้เคล็ดลับในการสมัครมหาวิทยาลัยอย่างไรให้ผ่านฉลุย เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์สองคนที่มาจาก University of Ottawa คือ Marc-Andre Gougeon ตำแหน่ง ผู้พัฒนาตลาดและประสานงานโครงการเชิงกลยุทธ และ Irene Xia Zhou ผู้ประสานงานด้าน การปฐมนิเทศ การปรับตัว และความสำเร็จทางด้านวิชาการ
ในการสมัครเรียนทีสหรัฐอเมริกา ผู้สมัครจะต้องเขียนเรียงความแนะนำตัว แต่การสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในแคนาดาของนักเรียนต่างชาติจะเหมือนกันหรือเปล่า?
Marc-André Gougeon: ในแคนาดานั้น การเรียนส่วนใหญ่จะใช้เกรดเพื่อสมัครเข้าเรียนเว้นบางคณะเช่น ทัศนศิลป์ หรือสถาปัตย์กรรมศาสตร์ที่จะต้องใช้แฟ้มสะสมผลงานยื่นเข้า ส่วนคณะดนตรีจะต้องมีการทดสอบ แต่ที่ต้องการจริงๆก็คือเกรดเฉลี่ยที่อยู่ในระดับสูงพอจากมัธยมปลาย และภาษาอังกฤษที่ดี หลายที่จะรับสมัครนักเรียนโดยตรงแต่ในออนเทริโอที่อ๊อตตาวา นักเรียนจะต้องสมัครผ่าน Ontario Universiies Application Centre (OUAC) แล้วในสมัครจะถูกกระจายต่อไปยังมหาวิทยาลัยที่ผู้สมัคร สมัครไว้อีกทีหนึ่ง
ในใบสมัครจะให้กรอกข้อมูลหลายอย่างตั้งแต่ข้อมูลประวัติส่วนตัว อย่าง ชื่อ ที่อยู่ และ กิจกรรมที่เคยทำระหว่างเรียนไม่ว่าจะเป็นเคยเป็นนักกีฬา อาสาสมัคร แต่ข้อมูลพวกนั้นก็ไม่ได้ถูกให้น้ำหนักมากในการพิจารณาเสมอไป เวลาพิจารณาใบสมัคร ก็จะดูไปตามที่เราคุ้นเคย คือ ”กรอกให้ครบ” ถ้าเกิดมี “gap year” ก็ควรใส่ให้กรรมการรู้ว่าไปทำอะไรมาในปีนั้นบ้าง ไม่ว่าจะเป็นงานอาสาสมัครหรืออะไรก็ขอให้ใส่ลงไป ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบฟอร์มสมัครธรรมดาที่ให้กรอกข้อมูลเกียวกับตัวเองและคณะที่ต้องการเข้า และโรงเรียนที่จบมาเป็นต้น
สำหรับนักเรียนต่างชาติแล้ว จะทำยังไงให้มีโอกาสมากขึ้นกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ
Irene Xia Zhou: สิ่งที่สำคัญคือขอให้นักเรียนทำเกรดให้ดีพอที่จะผ่านค่าเฉลี่ยของการแข่งขันในการสอบเข้าได้ เพราะสถาบันส่วนใหญ่ต้องใช้ระบบการประเมินค่าเฉลี่ยในการสอบเข้า ในระดับปริญญาตรีนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลเกี่ยวกับงานที่ทำ ประสบการณ์อาสาสมัครหรือแม้แต่จดหมายแนะนำตัวแบบในระดับบัณฑิตวิทยาลัยเลย
ขั้นตอนการสมัครเข้าระดับบัณฑิตวิทยาลัยจะยุ่งยากกว่าเพราะต้องใช้ประสบการณ์ทำงานและเอกสารเพื่อจะได้รับการพิจารณาเข้าศึกษาต่อ ในแง่นั้นก็มองได้ว่าการแข่งขันจะสูงกว่าเพราะไม่ได้ดูแค่ที่เกรดแต่ดูที่ประวัติการทำงาน การทำงานอาสาสมัครและทักษะต่างๆด้วย
Marc: กิจกรรมเช่น กีฬา อาสาสมัคร ไม่ค่อยมีผลในการพิจารณารับเข้าเรียนในระดับปริญญาตรีของ Univerity of Ottawa เท่าไหร่ แต่ก็จะมีผลถ้าจะขอทุนเรียน ซึ่งส่วนใหญ่ก็ต้องใช้เกรดเฉลี่ยสูงๆยื่นอยู่ดี
ถ้าคนที่สมัครเข้ามามีแต่เกรดสูงๆ แล้วจะพิจารณาจากอย่างอื่นไหม?
Irene: คิดว่ากรรมการไม่ได้คาดการณ์สถานะการณ์แบบนั้นไว้คะ เพราะผู้สมัครส่งใบสมัครเข้ามาในช่วงเวลาต่างกัน ดังนั้นก็จะถูกพิจาณาก่อนหลังตามลำดับ ถ้าที่ไหนเต็มแล้วผู้สมัครคนถัดไปก็จะได้ตัวเลือกที่สองไปแทนค่ะ
จากประสบการณ์ที่ได้เจอมามีข้อแนะนำอะไรเป็นพิเศษให้นักเรียนที่จะสมัครเข้าเรียนไหม
Irene: ข้อแนะนำสำคัญคือ นักศึกษาต้องศึกษาการเทียบคุณวุฒิให้เข้าใจเพราะระบบการศึกษาของแต่ละประเทศจะต่างกันมาก ถ้าคุณมาจากประเทศอื่นและต้องการปริญญาหรือคุณวุฒิที่เทียบเท่าในแคนาดา ก็จะต้องให้องค์กรภายนอกหรือสำนักงานแอดมิสชั่นทำการประเมิน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสถาบัน ต้องทำใจไว้ว่าบางที พอเทียบกับวุฒิในแคนาดาซึ่งมีการประเมินและให้การรับรองที่แตกต่างแล้ว วุฒิที่ได้ก็อาจจะไม่เท่ากับวุฒิเดิม นอกจากนั้นก็ควรทำความเข้าใจว่าการสอบเข้ามีขั้นตอนอย่างไรและทำตามให้ดีๆเพราะถ้าทำไม่ครบ กรรมการก็จะประเมินใบสมัครให้ไม่ได้
การสมัครผ่านเอเจนจะทำให้ได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษกว่าสมัครเองหรือเปล่า
Irene: อันนี้ก็ขึ้นกับนักเรียนแต่ละคนค่ะ เพราะบางแห่งเช่นในแอฟริกา ก็มีเอเจนซี่ที่ทำหน้าที่นี้ให้กับนักเรียนที่ไม่ค่อยเข้าใจวิธีการสมัคร หรือ ทำแทนนักเรียนที่อาศัยอยู่ในเขตที่สัญญานเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไม่ดี นักเรียนส่วนใหญ่จะไม่ได้ให้เอเจนซี่ทำให้แต่เลือกจะสมัครเองและถ้ามีปัญหาอะไรก็เราก็จะคอยช่วยค่ะ
เรามีบริการช่วยเหลือ ที่สามารถช่วยนักเรียนต่างชาติเกี่ยวกับข้อจำกัดต่างๆในการสอบเข้าได้ค่ะ
คุณมีวิธีที่จะยืนยันเกรดที่นักเรียนต่างชาติส่งเข้ามาเพื่อสมัครสอบไหม
Irene: นักเรียนต่างชาติจะส่งใบสมัครให้สำนักงานแอดมิชชัน ในรูปแบบของ PDF เพื่อทำประเมินเอกสารในเบื้องต้น แต่ก็ต้องส่งใบทรานสคริปในซองที่ปิดผนึกด้วยตราของสถาบันด้วยตนเองหรือโดยไปรษณีย์ เพื่อที่คณะกรรมการจะได้ตรวจสอบผลการเรียนของผู้สมัครว่าได้มาตามจริงค่ะ
พอได้ข้อมูลแล้วก็เริ่มไป หาคอร์สเรียนได้เลย