รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
สำนวนนี้ ถึงแม้จะได้ยินมานาน แต่ก็ต้องยอมรับว่าใช้ได้กับทุกสถานการณ์จริงๆ โดยเฉพาะสำหรับน้องๆ ที่กำลังหาทุนการศึกษาอย่างเอาเป็นเอาตาย อย่าลืมว่าเราต้องรู้ก่อนว่าเราต้องการอะไร แล้วค่อยดูว่าเรายังขาดทักษะหรือประสบการณ์อะไรสำหรับทุนที่เราอยากได้บ้าง
ลองดูมหาวิทยาลัยนอกกระแส
แน่นอนว่าทุนการศึกษาสำหรับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงโด่งดังนั้นได้รับยากเสียยิ่งกว่ายาก ทั้งข้อกำหนดที่มีระดับสูงกว่าและการแข่งขันกับคนจำนวนมากก็ทำให้โอกาสที่เราจะได้ทุนเหลือน้อยลง
Hotcourse ขอแนะนำให้ลองมองมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงน้อยกว่า หรือมีชื่อเสียงเฉพาะด้านดูบ้าง เพราะมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่มักจะมอบทุนการศึกษาให้กับคณะหรือสาขาวิชาที่เฉพาะเจาะจง สำหรับคนที่สนใจเฉพาะสาขาวิชานั้นจริงๆ
- เลื่อนลงไปจนเจอคำว่า ‘ค้นหาทุนการศึกษา’
- เลือกภูมิภาค ประเทศ สาขาวิชา และระดับการศึกษาที่ต้องการ กดค้นหา
- ทุนในสาขาที่เราเลือก จากมหาวิทยาลัยต่างๆ จะปรากฎขึ้น พร้อมข้อมูลที่จำเป็น เช่น มูลค่าทุน
เลือกสมัครทุนที่เหมาะกับตัวเอง
หลายๆ มหาวิทยาลัยมีทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนที่มาจากประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับนักเรียนจากทั่วโลก
สิ่งสำคัญนอกจากนี้คือเราต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น สาขาวิชาที่เราสนใจ อายุ เพศ หรือประสบการณ์ด้านการศึกษาและการทำงานก็เป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะสำหรับทุนการศึกษาจากรัฐบาลอย่าง U.S. Fulbright , Chevening British หรือ Destination Australia ก็ล้วนแล้วแต่ต้องการคนที่มีประสบการณ์ในการทำงานทั้งสิ้น
ใส่ใจเรื่องเอกสารซักหน่อย
คนที่สมัครขอรับทุนการศึกษาส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่เรียนเก่งและได้เกรดเฉลี่ยสูง ดังนั้นถ้า transcript ของเราเกรดเฉลี่ยไม่ได้ดีมาก อาจจะต้องอธิบายเยอะหน่อยว่าเรามีความเชี่ยวชาญในด้านอื่นๆ เช่น การทำกิจกรรมเพื่อสังคม ประสบการณ์ทำงาน หรือการมีส่วนร่วมในการประกวดแข่งขันต่างๆ ซึ่งจะทำให้เราแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่นๆ การเตรียมเอกสารเป็นอีกขั้นตอนที่สำคัญมาก
อ่านข้อกำหนดก่อนเสียเวลา
การมีความมั่นใจเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องดูด้วยว่าเรามีความหวังจะได้ทุนนี้แค่ไหน (เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการสมัคร) โดยเฉพาะทุนที่ให้โอกาสแก่นักศึกษาทั่วโลก โอกาสที่เราจะได้อาจจะน้อยลง ดังนั้นก่อนที่เราจะสมัครทุน ลองตรวจสอบดูว่าทุนนี้เหมาะสมกับเราแค่ไหน
- เรามาจากประเทศที่ทางสถาบันกำหนดหรือเปล่า
- คุณสมบัติของเราตรงกับความต้องการของทุนนั้นหรือไม่ (เกรดเฉลี่ย สาขาวิชา ประสบการณ์ทำงาน)
- ระดับการศึกษาของเราเพียงพอกับทุนนั้นๆ (เช่น ถ้าจะสมัครทุนของปริญญาโท เราต้องจบปริญญาตรีก่อน)
- ในบางกรณีสถาบันการศึกษาของเราต้องรับรองว่าเราสามารถศึกษาต่อในสาขาวิชาที่เราขอทุนได้
- คะแนนการทดสอบทางภาษาของเราผ่านตามที่กำหนด (TOEFL หรือ IELTS)
- เราต้องกลับประเทศเพื่อทำงานใช้ทุน (สำหรับ Development Scholarship)
- เราต้องสามารถแสดงออกว่าเรามีความเป็นผู้นำ และมีประสบการณ์ในการเป็นผู้นำมาก่อน (สำหรับ Leadership Scholarship)
- เราต้องเป็นผู้ชนะการประกวด (สำหรับทุนที่มอบให้กับผู้ชนะเลิศในการประกวดต่างๆ)
- เราต้องมีอายุไม่เกินตามที่เกณฑ์กำหนด
ส่วนใหญ่ CV ของทุกๆ คน จะถูกแบ่งเป็นเนื้อหาตามที่กล่าวมา แต่เราสามารถสร้างความแตกต่างให้กับ CV ของเราได้ด้วยการแสดงออกถึงความสามารถและความเป็นตัวเราให้มากที่สุด ลองคิดว่าอะไรเป็นจุดแข็งที่เราควรจะแสดงให้ทางกรรมการเห็น แต่อย่าโกหกเป็นอันขาดเพราะถ้ามีการสัมภาษณ์ทางกรรมการอาจจะจับผิดได้
การขอทุนไม่ใช่ เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก การเตรียมตัวให้ดีก้อสำคัญ เราแนะนำให้ควรอ่านคู่มือ โบรชัวร์ มหาวิทยาลัยที่คุณต้องการติดต่อ ก่อนเริ่มสมัคร ทั้งนี้เพื่อเราได้ทราบถึงวิสัยทัศน์ และสิ่งที่มหาวิทยาลัยต้องการ