
การศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา
ในสหรัฐอเมริกา การศึกษาระดับบัณฑิตศึกษามีอยู่ 2 ประเภท คือ ระดับปริญญาโท และ ระดับปริญญาเอก
ระดับปริญญาโท แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. Academic master's degrees
ประเภทนี้ คือ The Master of Arts (MA) หรือ Master of Science (MSc) ซึ่งจะจบการศึกษาหลังจากการทำวิจัยหรือวิทยานิพนธ์ โดยวิทยานิพนธ์จะมีหน่วยกิตอยู่ระหว่าง 30-60 หน่วยกิต รวมทั้งต้องมีการสอบปากเปล่าในหัวข้อวิทยานิพนธ์นั้นๆด้วย เพื่อทำให้คุณสามารถเรียนต่อในระดับปริญญาเอกได้ต่อไป
2. Professional master's degrees
ปริญญาโทประเภทนี้ จะเป็นสาขาที่ทำให้คุณเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ประกอบด้วยสาขาดังนี้ MBA (Master of Business Administration), MEd (Master of Education), MSW (Master of Social Work), MFA (Master of Fine Arts) ฯลฯ โดยคุณจะต้องเรียนทั้งหมด 36-48 หน่วยกิต และไม่จำเป็นต้องทำวิทยานิพนธ์
ระดับปริญญาเอก
PhD คือคำเรียกทั่วไปของการศึกษาระดับปริญญาเอก ซึ่งบังคับว่านักศึกษาที่จะเรียนระดับนี้ต้องผ่านการทำงานวิจัย (Research) การเขียนวิทยานิพนธ์มาก่อน ปกติแล้วการเรียนระดับปริญญาเอกจะใช้เวลาประมาณ 5-8 ปี ส่วนปริญญาเอกประเภท Professional doctoral degrees นั้น จะประกอบด้วยสาขา EdD (Doctor of Education) หรือ DBA (Doctor of Business Administration)
คุณสมบัติในการสมัคร
- จบการศึกษาระดับปริญญาตรี
คุณจะต้องจบการศึกษาระดับปริญญาตรี (Bachelor's degree) หลักสูตร 4 ปี
- ผ่านการทดสอบ
ในระดับปริญญาโทและเอก บางสาขาอาจจะให้คุณสอบ GRE (Graduate Recruitment Test) หรือ GMAT (Graduate Management Admission Test) ส่วนการสอบประเภทอื่น เช่น MAT (Miller Analogy Test) คือการทดสอบสำหรับการเรียนในสาขาครุศาสตร์หรือจิตวิทยา ส่วนสาขาอย่างเช่น แพทยศาสตร์ นิติศาสตร์ และ ทันตแพทย์ อาจจะมีการจัดการทดสอบเฉพาะด้านขึ้นมาเอง ดังนั้น คุณควรตรวจสอบไปยังมหาวิทยาลัยที่คุณสนใจก่อนว่าเขาทดสอบประเภทใดบ้าง นอกจากนี้ คุณยังต้องมีผลสอบวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษด้วย เช่น TOEFL หรืออื่นๆ
ขั้นตอนการสมัคร
คุณควรเริ่มต้นการสมัครก่อนปีศึกษาถัดไปประมาณ 12-18 เดือน เพื่อมีเวลาในการหาข้อมูลและเปรียบเทียบมหาวิทยาลัยต่างๆ, มีเวลาในการสอบการทดสอบต่างๆ รวมทั้งการหาทุนการศึกษาหรือเงินสนับสนุนต่างๆด้วย และเมื่อคุณเตรียมขั้นตอนทั้งหมดเรียบร้อย สิ่งที่คุณต้องทำถัดมาคือ การเขียนใบสมัคร
สถาบันการศึกษาแต่ละแห่งจะมีกำหนดเวลาปิดรับสมัครไม่เท่ากัน แต่ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม ซึ่งก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้น จึงเป็นการดีกว่าถ้าคุณยื่นใบสมัครของคุณให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
การยื่นใบสมัคร เอกสารจะประกอบด้วย
- ใบสมัคร
- ค่าสมัคร
- สำเนาประกาศนียบัตร และ Transcripts
- ผลการสอบ (GRE, GMAT, MAT, TOEFL หรืออื่นๆ )
- Personal statement ที่คุณจะเขียนเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายทางการศึกษาของคุณ
- จดหมายรับรอง : เกี่ยวกับความสามารถและงานของคุณ ส่วนใหญ่แล้วจะเขียนโดยอาจารย์หรือนายจ้างของคุณ
- บางมหาวิทยาลัยอาจจะขอดู financial statement เพื่อเป็นเป็นการรับประกันว่าคุณมีความสามารถทางการเงินเพียงพอที่จะเรียนในระดับปริญญาตรี
- บางมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะ business schools จะมีการสอบสัมภาษณ์นักเรียนทั่วโลก
คุณจะได้รับ Offer letter จากมหาวิทยาลัยประมาณกลางเดือนเมษายน สำหรับปีการศึกษาที่จะเริ่มต้นในเดือนกันยายน
-------------------------------------
ข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติม
ความสำคัญของทุนการศึกษาในอเมริกา
ทุนการศึกษาและเงินสนับสนุนสำหรับนักเรียนต่างชาติ