
จะผัดวันประกันพรุ่งไปถึงไหน??
ชีวิตการเรียนในมหาวิทยาลัย เกี่ยวข้องกับทั้งการเรียน, การหาความรู้และการหาประสบการณ์ชีวิต มันจึงเป็นเรื่องยากรักษาสมดุลชีวิตได้ เพราะเราก็มักจะพยายามทำทุกอย่างพร้อมๆกันไปหมด ซึ่งมันก็ถือว่าเป็นเรื่องนี้ ถ้าเราสามารถเรียนในช่วงกลางวัน ทำงานในช่วงเย็น และทบทวนการบ้านในช่วงกลางคืน แต่มันไมได้เป็นอย่างนั้นนะซิ......เพราะเมื่อเราทำหลายๆสิ่งพร้อมๆกัน ลักษณะนิสัยหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นก็คือ “การผัดวันประกันพรุ่ง”
การผัดวันประกันพรุ่ง
เราทุกคนต่างรู้ดีว่ามันเป็นอย่างไร เมื่อมีงานหนึ่งที่จำเป็นต้องทำให้เสร็จ แต่เมื่อมีงานอื่นหรือสิ่งอื่นแทรกเข้ามา เราก็หันเหไปทำสิ่งอื่นก่อน และเมื่อเวลาผ่านไป จนใกล้ถึงกำหนดเส้นตายส่งงานแรก เราก็ไม่รู้แล้วว่าเราจะทำมันให้เสร็จทันได้อย่างไร
ถือว่าเป็นนิสัยที่อันตรายอย่างมาก และทำให้เรารู้สึกผิดอยู่บ่อยครั้ง เพราะมันเป็นเรื่องง่ายมากที่เราจะหลีกเลี่ยงการทำงานยากๆ และอ้างไปว่ามีงานอื่นที่จำเป็นต้องไปทำก่อน และทิ้งงานชิ้นแรกไว้อย่างนั้นแล้วค่อยมาทำทีหลัง
การผัดวันประกันพรุ่งทำร้ายส่วนที่ดีที่สุดของเรา ยกตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายๆก็คือ ในช่วงเวลาใกล้สอบโรคผัดวันประกันพรุ่งก็ได้กลายเป็นเหมือนโรคระบาด เพราะนักเรียนส่วนมากจะใช้เวลาในระหว่างนั้นไปทำอย่างอื่นก่อน ทั้งกิจกรรมโน่นนี่ หรือทำรายงานที่ไม่ได้จำเป็นต้องส่ง เพื่อหลีกเลี่ยงความจริงที่ว่าการสอบกำลังใกล้มาถึงแล้ว
อีกทั้งในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีได้มีการพัฒนา ทำให้เรายิ่งมีนิสัยผัดวันประกันพรุ่งมากกว่าเดิมมาก และเพื่อแก้ไขปัญหานี้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือดูว่าอะไรคือสาเหตุสำคัญของปัญหานี้ .... และนี่คือต้นเหตุของการผัดวันประกันพรุ่งอันดับต้นๆของนักเรียนในปัจจุบัน
เฟสบุค
เป็นเวลาหลายปีที่เฟสบุคเอาเวลาของชีวิตเราไป และเป็นต้นเหตุของพฤตกรรมอันย่ำแย่ทั้งในที่ทำงาน และการเรียนด้วย
iPhone รวมถึง Smartphone ทุกประเภท
เพราะอุปกรณ์เหล่านี้เป็นเหมือนกับสิ่งที่รวมเอาทุกอย่างทั้ง Facebook, Twitter, YouTube และเกมส์มากมายเอาไว้ในเครื่องเดียว
เพื่อน
ด้วยความที่เราเป็นคน จึงไม่แปลกที่ 70% ของเวลาจะใช้ไปกับเพื่อนและการหาเหตุผลร้อยแปดมาอ้างแก่กันละกันเพื่อหลบเลี่ยงการทำงานหรือการสอบ
โทรทัศน์
ถึงแม้ว่าในโทรทัศน์จะไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่เราก็มักจะนั่งดูมันและเปลี่ยนไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอเรื่องที่สนใจ
การชอปปิ้ง
เรามักจะหาขออ้างกับตัวเองเสมอว่าของชิ้นนั้นชิ้นนี้ จำเป็นต้องซื้อวันนี้ เวลานี้เท่านั้น เพราะไม่อย่างนั้นมันจะหมดหรือมันจะไม่ลดราคา ฯลฯ ดังนั้นจงบอกกับตัวเองว่า มันยังไม่จำเป็น
ห้องของเรา
ทันทีเมื่อเรากำลังจะเริ่มเรียนหรืออ่านหนังสือ เราก็มักจะมองไปยังอะไรก็ตามเพื่อหาข้ออ้าง เช่น มองไปยังชั้นหนังสือและพบว่ามันกำลังจะพัง และหาข้ออ้างที่จะซ่อมมันในทันที
คำติดปาก
“ฉันจะทำมันวันพรุ่งนี้” คำนี้เป็นคำพูดติดปากของคนที่ชอบผัดวันประกันพรุ่ง
ดังนั้นเราควรจะหยุดการเป็นเหยื่อของวงจรที่ไม่ก่อประโยชน์ในชีวิตของเรานี้ให้ได้ โดยสิ่งสำคัญที่ควรปฏิบัติให้ได้ก็คือ “มีความซื่อสัตย์” กับตัวเอง เราควรจะตั้งเป้าหมายให้กับตัวเองและยึดส่งนั้นเป็นหลักให้กับทุกๆสิ่งที่เราตั้งมั่นไว้ และเมื่อใดที่เราทำงานสำเร็จตามเป้า ก็จงให้รางวัลกับตัวเอง
เห็นมั้ยคะว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องยากเลย ขอเพียงแค่เรากล้าที่จะท้าทายกับความขี้เกียจของตัวเองเท่านั้น!!