ขั้นตอนเรียนต่อ
เรียนในต่างประเทศ : การเตรียมตัวและการสมัครเรียน

10 ข้อที่ไม่ควรทำในการเขียน Resume สมัครงาน

share image

    Resume ถือเป็นเอกสารที่มีความสำคัญและจำเป็นในการสมัครงานในปัจจุบัน เพื่อแสดงถึงรายละเอียด คุณสมบัติของผู้สมัครที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นๆ การเขียน Resume ให้ดึงดูด HR จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม หลายคนข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำเอา HR ไม่อ่าน resume เราต่อแล้ว 

 

    หลายครั้งที่นักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบมักไม่รู้ ทำข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจทำให้เรซูเม่ของเราไม่เข้าตากรรมการ ดังนั้นมาดูกันว่าอะไรบ้างที่ควรระวังในการเขียน resume และอะไรบ้างที่ควรมีเพื่อให้เรซูเม่ของเราดี น่าสนใจและได้งานในที่สุด 

 

เขียนประวัติการทำงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่จะสมัคร

 

    ตอนทำ Resume หลายคนคิดว่าให้ยัดประสบการณ์ทุกอย่างที่เคยทำมาเลย เพราะจะได้ดูดี มีประสบการณ์ แต่จริงๆ แล้ว HR หลายคนไม่ได้สนใจตรงนี้เท่าไหร่นัก เพราะ HR กำลังมองหาคนที่มีประวัติการทำงานและประสบการณ์ในการทำงานที่ตรงกับงานต่างหาก ดังนั้นให้เขียนประวัติการทำงานอันที่สำคัญจริงๆ ที่เกี่ยวกับงานไปดีกว่า

 

 

ไม่ให้รายละเอียดทำงานเพียงพอ 

 

    ให้การเขียนเรซูเม่ เราต้องบรรยายด้วยว่าแต่ละตำแหน่งที่เคยทำมา เราทำหน้าที่อะไร แน่นอนว่าหลายคนอาจมีหลายหน้าที่ แต่ควรเลือกหน้าที่หลักๆ มาสัก 3-4 ข้อ หน้าที่ที่เลือกมาควรเกี่ยวข้องกับงานที่สมัครด้วย 

    

 

ทักษะที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่สมัคร

 

    ไม่จำเป็นต้องระบุทักษะที่ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือจำเป็นที่ต้องใช้ในงานที่สมัคร เช่น ระบุทักษะดนตรี หากสมัครงานในตำแหน่ง IT เป็นต้น 

 

    ทักษะที่ควรเอ่ยถึง คือทักษะที่งานนั้นๆ ต้องการ เช่น สมัครเป็นกราฟฟิคดีไซน์ ก็ควรเขียนมาเรามีทักษะด้านโปรแกรมกราฟฟิคมากแค่ไหน 

 

ไม่มีการระบุบุคคลอ้างอิง หรือ มีการบุคคลอ้างอิงที่มากเกินความจำเป็น

 

    บางบริษัทจะขอให้ใส่บุคคลอ้างอิง 2-3 คนในเรซูเม่ด้วย ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งอาจารย์ หัวหน้า หรือใครก็ได้ที่ให้ feedback เกี่ยวกับเราได้ แนะนำว่าให้เลือกคนที่รู้จักเราดี และเราต้องรู้จักเค้าพอสมควร เพราะหากบริษัทโทรไปถามจริงๆ บุคคลนั้นควรให้คำตอบเชิงบวกเกี่ยวกับเราได้เพื่อเพิ่มโอกาสได้งาน 

 

    ไม่ควรให้บุคคลอ้างอิงเป็นสมาชิกในครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิด 

 

ใช้ Resume เดิมสำหรับสมัครงานทุกประเภท

 

    ควรปรับเปลี่ยนเนื้อหาใน Resume เพื่อให้สอดคล้องกับตำแหน่งงานที่ต้องการสมัคร หากใช้ Resume เดิม บริษัทผู้รับจ้างทำงานอาจจะมองว่าคุณไม่มีความเตรียมพร้อม หรือไม่มีความใส่ใจในงานที่จะสมัคร 

 

ไม่อัพเดตข้อมูลการติดต่อ

 

    ในตำแหน่งงานหนึ่ง ผู้สมัครอาจจะใช้ Resume เดิมในการสมัครงาน จึงอาจจะละเลยในการกลับมาตรวจทานแก้ไข Resume เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ อีเมล์ เป็นต้น ซึ่งอีเมล์ที่ใช้ควรตั้งชื่อให้มีความน่าเชื่อถือและดูเป็นทางการด้วย

 

    ดังนั้นควรอัพเดตเรซูเม่สม่ำเสมอทุกครั้งเมื่อสมัครงานแต่ละที่ 

 

Resume ที่มีเนื้อหาสั้นหรือยาวเกินไป

 

    โดยปกติแล้ว Resume จะมีประมาณ 1-2 หน้า การใส่เนื้อหาที่สั้นหรือยาวเกินความจำเป็น อาจทำให้ HR รู้สึกไม่อยากอ่าน ถ้ามีประวัติการทำงานที่เป็นเวลายาวนานและหลากหลาย ก็สามารถจัดรูปแบบ Resume เพิ่มเติมได้อีก 1-2 หน้าได้ 

 

    แต่หากคุณเพิ่งเป็นนักศึกษาจบใหม่ หรือยังมีประสบการณ์การทำงานที่จำกัดควรทำให้เรซูเม่จบให้แผ่นเดียวจะดีกว่า 

 

ไวยากรณ์และรูปแบบการจัดรูปแบบไม่ถูกต้อง

 

    ควรตรวจสอบไวยากรณ์และการจัดรูปแบบให้ถูกต้องก่อนส่ง Resume โดย Resume ที่ดีควรจะมีลักษณะเป็นทางการ เป็นมืออาชีพ สะอาดตา และใช้ฟ้อนต์อ่านง่าย 

 

    Resume ภาษาอังกฤษ แนะนำให้ใช้ Times New Roman และ Arial ส่วน Resume ภาษาไทย แนะนำให้ใช้ Cordia New, Angsana New และ TH Sarabun New และขนาดที่สามารถอ่านได้อย่างชัดเจน ไม่ควรสร้าง Resume ใช้สีตัวอักษรโทนสว่างเนื่องจากทำให้อ่านยาก หรือออกแบบให้ซับซ้อน 

 

การระบุรายได้ที่ต้องการ

 

    ไม่ควรระบุรายได้ที่ต้องการใน Resume เนื่องจากบางบริษัทอาจไม่สามารถให้รายได้ตามที่ผู้สมัครต้องการได้ ซึ่งส่งผลให้โอกาสเรียกเข้าทำงาน หรือแม้แต่สัมภาษณ์งานนั้นน้อยลง โดยผู้สมัครสามารถพูดคุยเรื่องรายได้ในระหว่างการสัมภาษณ์งานจะเหมาะสมกว่า

 

ใช้คำศัพท์และศัพท์แสงเกินความจำเป็น

 

    พยายามอธิบายทุกอย่างให้กระชับและได้ใจความมากที่สุด ไม่ต้องเวิ่นเว้อหรือขยายความมาก เพราะพื้นที่เรซูเม่มมีจำกัด ดังนั้นศัพท์แสงต่างๆ ที่ทำให้ HR ต้องอ่านอีกรอบนึง ไม่ต้องใส่ไปเยอะเพราะจะทำให้ความหมายที่เราต้องการสื่อไม่ชัดเจน 

    

    หลังจากทำเอกสาร Resume เสร็จแล้วก็ให้เพื่อนลองตรวจทานข้อมูลและคำผิดอีกทีเพื่อกันความผิดพลาด 

 

Cover Letter คืออะไร? วิธีเขียนให้เด่น น่าสนใจและตัวอย่าง cover letter ภาษาอังกฤษ

 

 

MUST READ

article Img

ไขข้อสงสัย IELTS กับ TOEFL ต่างกันยังไง

ระบบคะแนน ทำความรู้จักระดับคะแนน IELTS กันก่อนล่ะกัน คือเขาจะแบ่งออกเป็นตั้งแต่ระดับ 1-9 สำหรับแต่ละทักษะ สอบเป็นฟัง พูด อ่าน เขียน พอได้คะแนนในแต่ละพาร์ทมาแล้ว เขาก็จะเอามาหารแล้วได้ออกมาเป็น Overall Score เช่นว่าบางที่อาจจะรับเฉพาะคนที่ได้คะแนนรวม 6 ขึ้นไปเท่านั้น ห้ามมีส่วนไหนได้ต่ำกว่า 5 ไรแบบนี้ (แต่ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะบางมหาวิทยาลัยก็มี Presessional Courses ปรับพื้นฐานภาษาสำหรับคนที่คะแนนไม่ถึง)   แนะนำทางลัด

458.3K
article Img

วิธีเตรียมตัวไปเรียนต่อนอกภายใน 1 ปี

วิธีเตรียมตัวไปเรียนต่อนอกภายใน 1 ปี เอ๊…ถ้าอยากไปเรียนต่อต่างประเทศปีหน้า เราควรต้องเตรียมตัวช่วงไหนนะ? ตอนนี้มันจะสายไปมั้ยหรือยังไง? แล้วเดือนไหนควรต้องเตรียมอะไรบ้าง? หลาย ๆ คำถามเหล่านี้อาจเป็นคำถามในใจของใครหลาย ๆ คน ซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อนเราก็อาจจะหาคำตอบได้ยากหน่อย เพราะข้อมูลมันเยอะมากกกก จนต้องเอามาสรุปกันเองแบบงง ๆ (แอดมินเป็นมาก่อนค่า) แต่ไม่ต้องเครียดค่ะ วันนี้ Hotcourses Thailand ขอเสนอตัว

101.3K
article Img

รวมกลวิธีเตรียมสอบทุกทักษะ IELTS แบบไม่ง้อติวเตอร์

  ฝึกทักษะการฟัง - ดูรายการภาษาอังกฤษ ทักษะการฟังเป็นส่วนแรกที่เราจะต้องเจอในการสอบ IELTS ซึ่งโดยมากแล้วจะมาประมาณ 4 สถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป อาจจะเป็นการกรอกแบบสอบถาม การคุยกันกับเพื่อน เติมแผนที่ลงไปในโปรแกรมทัวร์อะไรเทือกๆ นี้     สิ่งหนึ่งที่เราต้องเตรียมตัวคือการฝึกหูของเราให้รับและคุ้นชินกับสำเนียงบริติช หลายครั้งคนไทยเราส่วนมากจะเจอแต่สำเนียงอเมริกัน จนเราชินกับสำเนียงเขาไปแล้ว

78.5K
article Img

IELTS Writing task 2 มีคำถามแนวไหน และต้องตอบอย่างไร

IELTS Writing task 2 มีคำถามแนวไหน และต้องตอบอย่างไร >>เตรียมตัวสอบ IELTS Speaking หัวข้อคำถาม >>หลักสูตรด้านภาษาอังกฤษ >>หลักสูตรภาษาอังกฤษแบบ EFL   (เรียนเป็นภาษาต่างประเทศ)   หลายๆ คนคงทราบว่าการสอบ IELTS นั้นแบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่การฟัง อ่าน เขียน และพูด ตามลำดับ โดยมีคะแนนเต็ม 9.0 ซึ่งจะนำคะแนนที่เราได้ในแต่ละ part มาเฉลี่ยกัน บทความนี้จะเจาะลึกที่การเขียน task 2

69.1K