
เรารู้อยู่แล้วว่าการไปเรียนต่างประเทศ ต้องใช้เวลาและความทุ่มเทสูงมากๆ แถมระหว่างทางก็ไม่รู้ว่าจะมีอุปสรรคอะไรเกิดขึ้นบ้าง ดังนั้นถ้ามีตารางเวลาหรือแผนการเตรียมตัวที่ดีแล้วก็จะช่วยแบ่งเบาภาระไปได้บ้าง (ไม่มากก็น้อยละน้า) แถมยังช่วยบอกเราด้วยว่าเวลานี้ควรจะทำอะไรบ้าง หรือเราควรไปทุ่มเวลากับอะไร วันนี้ Hotcourses Thailand เลยจะมาขอเบรกดาวน์เวลาที่เราควรจะให้ในการเตรียมตัวจนไปถึงพร้อมบินไปเรียนต่อเลย เอาไว้ใช้ตอนจะไปนอกเนอะ
10-12 เดือนก่อนเดินทาง: หาข้อมูล
- ตัดสินใจว่าจะเรียนสาขาอะไร / หา เปรียบเทียบข้อมูลของมหาลัยและหลักสูตรที่เราต้องการ
- เลือกมหาลัยและติดต่อเจ้าหน้าที่ (หรือดูในเว็บไซต์มหาลัย) เพื่อดูเกณฑ์การสมัครและขอใบสมัคร (ได้มากกว่า 1 มหาลัย)
ค่าใช้จ่าย: ฟรี!
9-10 เดือนก่อนเดินทาง: สอบวัดทักษะ
- สมัครสอบตัววัดทักษะที่มหาลัยต้องการ
IELTS ราคาสอบจะอยู่ที่ 6,900 บาท
TOEFL ราคาสอบจะอยู่ที่ประมาณ 6000 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน)
GRE ราคาสอบจะอยู่ที่ประมาณ 190 USD หรือประมาณ 5723 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน)
GMAT ราคาสอบจะอยู่ที่ประมาณ 250 USD หรือ 7860 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน)
- ควรเผื่อเวลาสอบใหม่อีกรอบหากจำเป็น (ในกรณีที่คะแนนไม่ถึง)
ค่าใช้จ่าย: ในขั้นตอนนี้อาจเริ่มต้นตั้งแต่ 6,000 บาท - 13860 บาทเลย เพราะบางสาขาอาจใช้คะแนน IELTS อย่างเดียว แต่บางสาขาต้องการคะแนนมากกว่า 1 อัน (เช่น MBA หรือวิศวะที่อาจต้องการ GMAT หรือ GRE พร้อม TOEFL) ถ้าคนไหนไปเรียนพิเศษอีกก็ต้องบวกเพิ่มนะ
สุดยอดลายแทงรวมบทความ IELTS ที่คนเตรียมสอบห้ามพลาด
8 แกรมม่าที่ใช้กันผิดบ่อยๆ ในการสอบ IELTS
8 แกรมม่าที่ใช้ผิดกันบ่อยๆ ใน TOEFL
7-8 เดือนก่อนการเดินทาง: เตรียมใบสมัคร
- ส่งใบสมัครมหาลัยที่คะแนนเราเหมาะสม (ส่งได้มากกว่า 1 ที่) แต่! อย่าลืมว่าการสมัครมีค่าธรรมเนียมน้า โดยค่าธรรมเนียมปกติจะอยู่ที่ 50-100 USD หรือประมาณ 1560-3100 บาท ทั้งจะขึ้นอยู่กับสาขาด้วย
ค่าใช้จ่าย: ประเมินราคาคร่าวๆ ไว้ว่าประมาณ 3,000 บาทสำหรับค่าสมัคร แต่อย่าลืมขั้นตอนนี้มีเอกสารอื่นๆ มาเกี่ยวข้องด้วย เช่น Transcript เพราะบางมหาลัยคิดค่าธรรมเนียมน้า เช่นใบละ 100 บาทเป็นต้น ถ้าที่ไหนโชคดีจะฟรีจ้า (ซึ่งความจริงควรเป็นอย่างนั้น)
3-4 เดือนก่อนการเดินทาง: ตัดสินใจเลือกที่เรียน
- ตอนนี้จะเริ่มได้ Offer จากมหาลัยและบางที่อาจได้เวลาสัมภาษณ์มาด้วย
- ตัดสินใจเลือกมหาลัยอีกทีว่าที่ไหนเหมาะสมกับเราที่สุด (ในกองมหาลัยที่ได้ Offer)
ค่าใช้จ่าย: มหาลัยจะให้เราจ่ายเงินค่าเทอมแล้ว โดยอาจจะแบ่งเป็น 2 งวดเป็นมัดจำ (deposit) และงวดที่เหลือ อันนี้ต้องแล้วแต่แต่ละคณะและมหาลัยแล้วล่ะ แต่อีกขั้นตอนในการลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็คือ การหาทุนนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นทุนภายนอกหรือภายในมหาลัยก็ตาม
2-3 เดือน ก่อนเดินทาง: เตรียมวีซ่า
- ถ่ายรูปวีซ่า ราคาอาจจะอยู่ที่ 150-250 บาทต่อโหลได้เลย ใครที่อยากประหยัดเงินส่วนนี้ก็ลอง DIY ซื้อกระดาษโฟโต้ และขอช่วยเพื่อนมาให้ถ่ายรูปให้ก็ประหยัดไปได้อยู่
- ตรวจสุขภาพ ราคาจะอยู่ที่ 2500-6000 บาทเลยที่เดียว ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลที่ไปตรวจและ option ด้วย เพราะบางประเทศบังคับให้ฉีดวัคซีนไปให้เรียบร้อยด้วย + การขอวีซ่าอังกฤษต้องตรวจปอดด้วยราคะจะอยู่ที่ประมาณ 3,800 บาท
- ค่าธรรมเนียมวีซ่า
- อังกฤษ ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่านักเรียนจะอยู่ที่ 348 ปอนด์ หรือประมาณ 14000 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน) นอกจากนี้ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมประกันสุขภาพ (IHS) อีก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการได้วีซ่าแต่ละประเภทด้วย สำหรับนักเรียน Tier 4 ค่า IHS จะเริ่มต้นที่ 450 ปอนด์ หรือประมาณ 18000 บาท
- อเมริกา ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่านักเรียนจะอยู่ที่ 160 USD หรือประมาณ 4960 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน)
- ออสเตรเลีย ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่านักเรียนจะอยู่ที่ 690 AUD หรือประมาณ 14,120 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน)
ส่องสนามแข่งวีซ่าทำงานหลังเรียนจบ ประเทศไหนขอยาก ประเทศไหนได้ง่าย มาดูกัน
1-2 เดือนก่อนเดินทาง: เตรียมตัวบิน
- จัดการเรื่องที่พัก
โดยปกติ ราคาที่พักจะขึ้นอยู่กับประเภทที่พักที่เราเลือก ถ้าเลือกอยู่ในหอในมหาลัยก็จะถูกกว่าอยู่ในหอนอกหน่อย แต่ก่อนจะเข้าพักนั้น ส่วนใหญ่เค้าจะให้เราจ่าย ‘ค่ามัดคำที่พัก’ ก่อน ซึ่งจะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับ landlord และประเภทที่พักนั่นแหละ ใครอยากประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ต้องหารูมเมทน้า
คัมภีร์หาที่พักนักเรียนในออสเตรเลีย เข้าใจง่าย รวดเดียวจบ
วิธีหาที่พักนักเรียนในอเมริกาแบบม้วนเดียวจบ
คัมภีร์หาที่พักสำหรับนักเรียนใน UK
- ค่าเดินทาง ในนี้รวมตั้งแต่
- ตั๋วเครื่องบิน ควรจองตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างน้อยก่อน 3 เดือน หรืออาจจะใช้ Google Flight ในการแจ้งเตือนราคาเส้นทางหากมีการเปลี่ยนแปลง (เพิ่มขึ้นหรือลดลง) โดยหากได้ตั๋วดีๆ มีโปรราคาอาจอยู่ที่ 25,000-35,000 เลยในกรณีบินไกลๆ อย่างไปอังกฤษหรืออเมริกา
- พอไปถึงก็จะมีค่าเดินทางจากที่พักไปสนามบิน หลายคนอาจจะเลือกเดินทางโดยแท็กซี่ หรือ Uber ซึ่งอาจจะแพง ลองหา public transportation ดูเพราะส่วนใหญ่สนามบินจะมีรถไฟที่วิ่งเข้าเมืองอยู่แล้ว จากนั้นก็ค่อยไปต่อบัสหรือใต้ดินต่อไปที่พักก็ได้
- เมื่อไปใช้ชีวิตอยู่ก็จะมีค่าเดินทางไปนู่นนี่แน่ๆ หลายเมืองใหญ่ๆ จะมีบัตรโดยสารสำหรับนักเรียน ใครที่รู้ตัวว่าต้องใช้การเดินทางสาธารณะทั้งบัส ทั้งรถไฟใต้ดินก็ควรเปิดซะ เหมาเที่ยวไปเลย คุ้มกว่าเยอะ
- หาซื้อประกันสุขภาพ (ใครว่าไม่จำเป็นให้คิดใหม่ เพราะนี่เป็นสิ่งที่ต้องมีนะ) โดยควรเลือกระยะเวลาของประกันให้ครอบคลุมกับการไปเรียนของเรา ราคาประกันมีตั้งแต่ 23,000-70,000 บาทขึ้นอยู่กับประกันแต่ละตัว
- จัดเตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะกับสภาพอากาศในเมือง + ประเทศที่จะไป ราคาขึ้นอยู่กับยี่ห้อจ้า ใครอยากลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ลองหาของมือสองสภาพดีดูน้า
- ค่าหนังสือ หนึ่งในสิ่งที่เค้าว่าแพงเมื่อไปเรียนต่อก็ค่า textbook นี่แหละ ใครอยากประหยัดตรงนี้สามารถหาซื้อหนังสือมือสอง หรือไปยืมห้องสมุดอ่าน หรืออ่านในคอม/ไอแพดจะประหยัดได้เยอะกว่าซื้อเล่มจริงๆ มากจ้า
- ค่าอาหาร ในระยะยาวถ้ากินอาหารนอกบ้านบ่อยๆ มันจะแพงมากกก นักเรียนนอกเลยนิยมทำอาหารกินเองเพราะประหยัดกว่า ดังนั้นอาจจะต้องลงทุนกับเครื่องครัวก่อนนิดนึง ค่าใช้จ่ายตรงนี้สามารถหารกับรูมเมทได้นะ หรือถ้าหอมีให้อยู่แล้วก็โชคดีไปจ้า
How to หาตั๋วเครื่องบินต่างประเทศราคาถูก
คู่มือจัดกระเป๋าฉบับเตรียมตัวไปเรียนต่อนอก
ใครกำลังหาคอร์ส คณะที่สนใจ ลองใช้ Course Matcher ของเราดูนะ เพราะเรารวบรวมคอร์สและมหาลัยจากทั่วโลกไว้ให้แล้ว แค่ใส่ข้อมูลนิดหน่อยก็จะเจอคอร์สที่แมทช์กับเราเลย รับรองได้คอร์สที่ถูกใจ ราคาไม่แหก แถมมีทุนให้ด้วย