
สัปดาห์ที่แล้วมิสไปสืบการอัพคะแนน IELTS ให้ปังๆ เริดๆ มาแล้ว (ใครยังไม่อ่าน ไปตำได้ที่นี่ เคล็ด (ไม่) ลับของชาวเน็ต อัพคะแนน IELTS 7-8 ที่ใช้ได้จริง!) สัปดาห์นี้ก็ไม่พลาด ต้องไปสืบการสอบวัดทักษะภาษาอังกฤษอีกอย่างหนึ่งที่ฮิตพอๆ กันอย่าง TOEFL กันบ้าง โดยข้อสอบนี้จะนิยมใช้ยื่นคะแนนในสหรัฐอเมริกา
ว่ากันว่าข้อสอบ TOEFL นี่ทำซิสหลายคนหืดขึ้นคอกันมาเยอะแล้ว เพราะมันยากเหลือเกินนน แต่ถ้าเราตั้งใจซะแล้ว ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ค่ะ มิสเลยขอตั้งใจไปสืบเรื่องการเตรียมตัวสอบ TOEFL ด้วยตัวเองให้ซิสๆ นำไปปรับใช้กันนะคะ
เริ่มจากกระทู้ ครั้งแรกของการสอบ TOEFL IBT ก้าวแรกของการไปเรียนต่อต่างประเทศ ของคุณ สมาชิกหมายเลข 1010601 ซึ่งอธิบายไว้ว่า
ข้อสอบจะแบ่งเป็น 4 part ได้แก่ Reading Listening พักเบรค 10 นาทีและต่อด้วย Speaking และ Writing ตามลำดับ ใช้เวลาสิริรวมทั้งสิ้นประมาณ 4 ชั่วโมง เป็นการสอบที่ทรหดที่สุดในชีวิตเลยค่ะ
Reading
- นอกจากข้อสอบอันแสนน่าเบื่อ (ที่ยาวแถมบางทียังไม่ตรงสาย) ลองหา content ภาษาอังกฤษเจ๋งๆ ที่ตัวเองสนใจอ่านดูนะคะ เราแนะนำ Harvard Business Review สำหรับคนที่สนใจธุรกิจและการพัฒนาตนเองในที่ทำงาน สำหรับผู้ใช้ smart phone (ซึ่งน่าจะแทบทุกคนแล้วสมัยนี้) ลอง load app "Flipboard" มาลองดูคะ สไสด์อ่านระหว่างยืนห้อยโหนบน BTS ก็เกร๋เท่ไปอีกแบบนะคะ
- การบริหารเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หลายๆที่จะแนะนำให้ skim & scan คืออ่านทั้งหมดของ paragraph แรก สองบรรทัดของแต่ละ paragraph ที่เป็นเนื้อหา และ ทั้งหมดของ paragraph สุดท้าย สารภาพว่าทำไม่ได้ค่ะ T^T จับเนื้อหาอะไรไม่ได้เลยด้วยวิธีนั้น จะให้อ่านทั้งหมดแล้วมาตอบก็จำ detail ไม่ได้ สิ่งที่เราทำคือ อ่านทีละ paragraph แล้วตอบทีละข้อไล่ไปเรื่อยๆ เพราะข้อสอบจะเรียงตามเนื้อหาอยู่แล้ว แนะนำให้ลองหลายๆแบบแล้วเลือกแบบที่เหมาะกันตัวเองคะ
Listening
- part นี้หนังสือของ Barron ช่วยได้เยอะค่ะ เพราะพูดเร็วกว่า ใช้คำยากกว่า เรื่องสับสนกว่า จดแทบไม่ทัน ต้อง concentrate ตลอดเวลา พอมาทำในหนังสือของ ETS ซึ่งเหมือนกับข้อสอบจริงเลยทำให้รู้สึกไม่ยากมากคะ
- ในบางขณะที่ไม่สามารถฝึกอ่านได้ เช่น ขับรถอยู่ หรือ เดินอยู่ ลองโหลด podcast เกี่ยวกับเรื่องที่น่าสนใจฟังดูค่ะ เราว่าช่วยได้ไม่มากก็น้อย
Speaking
- สิ่งที่ดีสุดคือขนข้อสอบออกมาทำ โดยเฉพาะ speaking 1-2 ที่เป็นคำถามเกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัว ตั้งเป้าไว้ว่า ต้องตอบให้ได้ หวดให้เต็ม
- จำ collocation ไปเยอะๆ เช่น broaden my horizons (เท่ซะ จำได้คำเดียวค่ะ 555) อันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องจำ ต้องฝึกใช้เพิ่มเหมือนกัน
- เตรียม pattern ไปก่อนค่ะ ลองเข้า youtube แล้ว search คำว่า "notefull toefl" อาจช่วยได้ค่ะ (เราก็คะแนน speaking ไม่ค่อยดี เลยให้คำแนะนำได้แค่นี้)
writing
- เราหา pattern จากหนังสือเล่มต่างๆที่เคยอ่านมาแล้วรวบรวมไว้ ฝึกอย่างเดียวค่ะ ทำโจทย์น่าจะไม่ต่ำกว่าร้อยข้อ พอดีมีช่วงที่พ่อเข้าโรงพยาบาล สภาพจิตใจค่อนข้างย่ำแย่ ว่างๆตอนไปนอนเฝ้าก็ทำ writing นี่ล่ะค่ะ เป็นการหันเหไม่ให้หมกมุ่นเกินไป ช่วยเยียวยาจิตใจระดับหนึ่ง
- เรียนรู้ เข้าใจ จำ และฝึกใช้ grammar ให้คล่องค่ะ ค่อนข้างสำคัญค่ะ ควรจะใช้ tense และกฎหลักๆ เช่น if ให้ถูกต้อง ไม่ได้ช่วยเรื่องสอบอย่างเดียว แต่สามารถพัฒนาการเขียนของเราด้วยค่ะ
มิสขอเสริมนิสส Collocation ที่จขกท. พูดถึงในพาร์ท Speaking คือ กลุ่มคำที่มักจะใช้ด้วยกัน ซึ่งมีตั้งแต่ 2 คำขึ้นไป ยกตัวอย่างเช่น take notes, fast food, strong wind, burst into tears, run out of gas, do the laundry ฯลฯ จำไว้ก็จะมีประโยชน์มาก เพราะถ้าใช้ผิดความหมายก็เปลี่ยนได้นะ
มาดูอีกกระทู้บ้าง ขอบอกว่าจขกท อึด ทึก ทนและขยันมากกก เพราะสอบ TOEFL ไปแล้วถึง 9 ครั้ง มายก๊อด! ประสบการณ์และการเตรียมตัว Toefl 70 -> 100+ ไปดูกันว่าคุณ สมาชิกหมายเลข 4584299 แชร์ประสบการณ์อะไรบ้าง
Reading
การสอบทั้งหมด 3 passages เวลา 60 นาที -> เวลาเป็นเรื่องสำคัญที่สุดต้องทำ 1 passage (14 ข้อย่อย) ภายในเวลา 20 นาที
Technique (Notefull)
นาทีที่ 1 - อ่านประโยคแรกของทุก paragraph เพื่อให้รูปคราวๆ ว่าเรื่องเกี่ยวกับอะไร แต่ละ paragraph พูดถึงอะไร
นาทีที่ 2 - 10 - ทำให้เสร็จถึงข้อ 7 ให้ได้ โดย อ่านโจทย์ก่อนและค่อยอ่านใน paragraph, คำถามจะต่อยๆไล่บันทัดไปเรื่อยๆ เป็นลำดับมากๆ ไม่ต้องอ่านวนไปวนมาเพื่อหาคำตอบครับ
นาทีที่ 11 - 17 - ทำให้เสร็จถึงข้อ 12 เทคนิคเดิม
นาทีที่ 18 - 20 - ทำสองข้อสุดท้ายของ passage แบ่งเป็น 1) เติม ประโยคใน context 2) summarize passage
Resource: http://top.zhan.com/toefl/read/alltpo.html -> ใช้ทำโจทย์ และ ท่องศัพท์จากบทฝึกใน website ข้างต้น
Listening
การสอบทั้งหมด 2 ชุด listening เวลา 10 นาที แต่ละชุดแบ่งเป็น 1) academic conversation 2)lecture 3) lecture
Technique (Notefull)
- ฝึก take note โดยจดทุกอย่างที่ได้ยิน ใช้ตัวย่อช่วยให้จดทัน (เช่น Research -> “RS” , importance -> “!”)
- ข้อสอบจะถามแบบเป็น order ดังนั้นถ้าฟังไม่ clear แต่มี note ที่จดมา สามารถเดาคำตอบได้ตาม note ครับ
Resource: http://top.zhan.com/toefl/listen/alltpo.html -> ใช้ทำโจทย์
- ฝึกฟังจาก youtube เวลาว่าง เรียงตามลำดับความยากดังนี้ 1 (ง่ายที่สุด) 2 3 4 5 6 7 (ยาก) ลองฟังไม่ดูvideoและสร้างเรื่องในหัวไม่ให้หลุดครับ
Speaking
Technique (Notefull)
ข้อ1,2 https://www.youtube.com/watch?v=S4lzrCpndC0&t=2s
ข้อ3 https://www.youtube.com/watch?v=J-n_nOBDLd4
ข้อ4 https://www.youtube.com/watch?v=xMUWevT3o8A
ข้อ5 https://www.youtube.com/watch?v=O2dU1JqlWS0
ข้อ6 https://www.youtube.com/watch?v=4uaQbf-t_gg
Resource: http://top.zhan.com/toefl/speak/alltpo.html -> ใช้ทำโจทย์โดยอัดเสียงและฟังจุดที่พูดพลาด ในนี้มีเฉลยด้วยครับดูเป็น guideline ได้ และ https://www.italki.com/home -> สำหรับหาอาจารย์สนทนา 1-1 ครับราคาไม่แรงมาก 300-500 ต่อชม ก็มีครับ
Writing
Technique (toefl resource)
เท่าที่ดูมาตาม website นี้ดีสุดครับ ตามลิ้งนี้
1. integrated essay -> https://www.toeflresources.com/integrated-writing
2. independent essay -> https://www.toeflresources.com/toefl-independent-writing-section
Resource: http://top.zhan.com/toefl/speak/alltpo.html -> ใช้ทำโจทย์ครับ และ https://www.toeflresources.com/sample-toefl-essays -> อันนี้ดีมากครับเป็นตัวอย่าง essay สำหรับผมมีประโยชน์มาก
สรุปสั้นๆ Practice Make Perfect! (อีกแล้ว) เพราะการเรียนภาษาอังกฤษไม่มีทางลัดจริงๆ อะค่ะ มันต้องฝึกฝน ฝึกฝน แล้วก็ฝึกฝัน แต่ไม่มีอะไรยากเกินความพยายาม! อยากให้ดูคุณจขกท. คนที่ 2 เป็นตัวอย่างเพราะยิ่งทำ ผลมันก็ยิ่งชัดอะ
สู้นะ!
8 แกรมม่าที่ใช้ผิดกันบ่อยๆ ใน TOEFL
5 คัมภีร์เตรียมสอบ Toefl สุดขลังประจำปี 2019
ทำความรู้จัก TOEFL ข้อสอบตัวร้ายที่คนอยากเรียนต่อเมกาต้องสอบ
ไขข้อสงสัย IELTS กับ TOELF ต่างกันยังไง