
สวัสดีอีกครั้งค่า พ่อแม่พี่น้องซิสบรอทุกคนนนน ช่วงนี้ใครอยู่กรุงเทพฯ ก็อย่าลืมใส่หน้ากากกันฝุ่นพิษออกไปนะคะ ไม่รู้เมื่อไหร่หน่วยงานที่รับผิดชอบจะออกมาทำอะไรจริงๆ สักที มิสเห็นแล้วก็เซ็งค่ะ อยากย้ายไปอยู่เมืองนอกบ้าง นี่จึงเป็นสาเหตุของการทำรายงานนักสืบชิ้นนี้! มิสจะพาไปสอดส่องลู่ทางการไปใช้ชีวิตถาวรที่ต่างประเทศกัน ลองไปดูว่าจะมีวิธีไหนกันบ้าง
ก่อนอื่นซิสต้องรู้ก่อนว่าการย้ายถิ่นฐานถาวรนี้ทำได้หลายวิธีนะคะ ไม่ว่าจะเป็น
- แต่งงานกับคนชาตินั้น
- ลงทุนทำธุรกิจในประเทศนั้น
- เป็นผู้ลี้ภัย
แต่เดี๋ยวก่อนนน เราเป็นคนโสดสวยๆ ไม่ต้องพึ่งชายใด (หรือหญิงใด) แล้วเราก็คงไม่อยากเป็นผู้ลี้ภัย มิสเลยนำทางเลือกที่คนโสดอย่างชาวเราใช้กัน ก็คือไปเรียน ทำงานและขอใบพำนักถาวรจ้ะ
มิสขอเริ่มจากประเทศนี้ก่อนเลยแล้วกัน เป็นชาติที่คนไทยก็อยากไปไม่น้อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นประเทศที่สงบกว่าประเทศอื่นๆ เพราะสหรัฐฯ เอง ตอนนี้ก็มีปัญหากับอิหร่าน ส่วนออสเตรเลียก็มีปัญหาไฟป่าอยู่ (#PrayforAustralia) ประเทศที่ว่านี้คือ แคนาดาค่ะ! ขอยกตัวอย่างจากกระทู้นี้ How to ย้ายมาอยู่แคนาดาแบบถาวร (แบบไม่ต้องแต่งงานกับฝรั่ง) ของคุณ nutnonlapan ที่มีโอกาสไปเรียนต่อที่แคนดา มีโอกาสได้ทำงานขอยื่นขอวีซ่า PR หรือ Permanent Resident ค่ะ
แล้วจะมาเป็น PR นี่ต้องทำยังไง?
1. หาแฟนเป็นชาวcanadian แล้วก็แต่งงานกับเค้า - you would automatically get a PR for sure. วิธีนี้คือได้ PR เร็วสุด
2. มาเรียนแล้วอยู่ทำงานต่อที่นี่ จนapply เป็น PR
หลังเรียนจบเราต้อง apply for post graduated work permit (PGWP) ซึ่งเค้าจะให้ตามระยะเวลาที่เราเรียน แต่ต้องมาเรียนอย่างน้อย 8 เดือนถึงจะ apply for PGWP ได้. แล้วระยะเวลาวีซ่าที่เค้าให้สูงสุดคือ 3 ปี ถึงแม้ว่าเราจะมาเรียน 4-5ปีก็ตาม
3. Enterpreneur immigration - ต้องมีเงินอย่างน้อย $600,000 - $1,500,000 CAD ในบัญชีเพื่อมาเปิดบริษัทที่นี่ (rule and regulation ของแต่ละจังหวัดก็จ่างกันนะคะ). อันนี้คือแบบแพงมากกกกก
โดยวีซ่า PR นี้คือ วีซ่าสำหรับคนที่ไม่ได้ถือสัญชาติแคนาดา แต่สามารถทำงานและใช้ชีวิตอย่างถูกกฎหมายในแคนาดาโดย โดยจะมีสิทธิเท่าพลเมือง หรือ Citizen ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าเล่าเรียน แต่เราไม่สามารถเลือกตั้งได้นะคะ ในการจะรักษาสถานะวีซ่านี้ ซิสต้องอยู่ในแคนาดาอย่างน้อยสองปี หรือ 730 วันในทุกๆ 5 ปีจ้ะ
พอทำงานไปได้ประมาณเกือบ 2ปี เราก็เริ่ม apply PR ซึ่งเค้าก็จะมี criteria ที่เราต้อง meet
2.1 Language skills - ต้องสอบ IETLS เพื่อที่จะprove ว่าเราอ่านออก เขียนได้ ฟังรู้เรื่อง
2.2 Education - เค้าจะดูว่าการศึกษาสูงสุดเราเท่าไหร่ แล้วคิดออกมาเป็นคะแนน
2.3 Work experience - คือต้องทำงานสาย technical หรือให้มันตรงสายกับสิ่งที่เรียนมา. ยิ่งถ้าทำงานในบริษัทในแคนาดาจะยิ่งได้คะแนนสูงขึ้นไปอีก
2.4 Age - คนอายุ 18-35 คือจะได้คะแนนเยอะสุด
2.5 Arrange employment in Canada - คือถ้าเรามีนายจ้างอยู่ที่แคนาดา หรือทำงานที่นี่อยู่แล้วfull time (minimum 30 hrs/ week) เป็นเวลาอย่างน้อย 1ปี ก้จะได้คะแนนเพิ่มอีก
2.6 Adaptibility point - ข้อนี้ไว้สำหรับคนที่มีสามีหรือภรรยาแล้ว (เราก็ตอบอะไรมากไม่ได้ เพราะมันไม่ applicable กับเรา)
หลังจากกรอกข้อมูลอะไรทุกอย่างเสร็จก็รอไป 6 เดือน หรือจนกว่าคะแนนเราจะดีกว่าคนอื่นๆที่ apply. เห็นว่าขึ้นตอนนี้ บางคนรอเป็นปีสองปีเลยนะ
พอเราได้รับการ invite จากทาง government of canada ว่าคุณจะได้เป็น PR เราก็ต้องจ่ายค่า application + doctor + police certificate รวมๆแล้วตกอยู่ประมาณ $1,500 CAD. จากนั้นทางแคนาดาเค้าจะพิจารณาอีกทีว่าเค้าจะรับเราเป็นพลเมืองรึป่าว ขั้นตอนนี้ก็รอไปอีกประมาน 4 เดือน
หลายคนอาจจะบอกว่างั้นก็ไปเรียนภาษาที่แคนาดาสิ! เรียนจบแล้วก็ขอ PR ต่อ หยุดดดดก่อนค่ะ มิสจะบอกว่าไม่ใช่เรียนอะไรก็ได้นะคะ เพราะในกระทู้ กระจ่างซักที ความจริงเรื่องการไปเรียนแคนาดา2 ปี แล้วมีสิทธิ์ได้เป็น PR หรือ ขอสัญชาติ! ของคุณสมาชิกหมายเลข 3286172 บอกว่า
- เรียนน้อยกว่า 8 เดือน : ขอไม่ได้ เรียนจบอยู่เที่ยวต่อได้ ห้ามทำงาน
- 8 เดือนถึง 2 ปี : ขอใบอนุญาตทำงานได้เท่าระยะเวลาที่เราเรียน เช่น เรียน 1 ปีก็ทำงานได้หลังจากนั้น 1 ปี
-เรียนนานกว่า2 ปี : ขอใบได้สูงสุด3 ปี
แต่มิสจะบอกว่าส่วนที่ยากที่สุดนั้นไม่ใช่การขอวีซ่านะคะ แต่เป็นการหานายจ้างค่ะ ในกระทู้เดียวกันอธิบายไว้ว่า การขอ PR นั้นมีหลายประเภท แบ่งได้คร่าวๆ ดังนั้น
1. เพื่อนไทยหลายคนเป็นหนึ่งในตองอู ฝีมือดีมาก จนนายจ้างที่นี่ต้องการ นายจ้างก็จะสปอร์นเซอร์ให้ อันนั้นเรียกว่า Provincial Nominee Program (PNP) ในกรณีนั้นทำได้จริง แต่นายจ้างมีภาระหนักในการแสดงเอกสารที่มาที่ไปของเรา และเหตุผลที่เพียงพอแสดงต่อรัฐว่าทำไมต้องมาจ้างเรา ทั้งๆที่มีคนในประเทศมากมายที่คุณสมบัตถึงและพร้อมจะทำงานในตำแหน่งนั้น เอกสารมากมาย และใช้เวลานานระดับหนึ่งถึงจะได้ เพื่อนไทยบางคนเข้าใจว่าเดี๋ยวไปหาร้านอาหารไทยทำงาน แล้วให้เค้าสปอร์นเซอร์ให้.... เช็คให้ละเอียดก่อนเด้อค่ะ CIC กำหนดคุณสมบัตของนายจ้างไว้สูงประมาณนึงเลย ไม่ใช่ทุกร้านจะสปอร์นเซอร์ได้
2. เป็นแบบนับคะแนน ใครคะแนนมาก มีโอกาสได้รับอนุญาตให้ยื่นมากกว่า และนี่คือแบบที่เอาประสบการณ์ทำงานไปยื่นขอหรือที่เรียกว่า Expres Entry งานที่ทำก็ไม่ใช่ "งานอะไรก็ได้" งานนั้นแบ่งเป็นเกรด ถ้างานเกรดที่ใครก็ทำได้เช่น ขายของในห้าง, แคชเชียร์ ต้องทำอย่างต่ำ 2 ปี ถ้างานระดับริหาร, งานใช้เทคนิคเฉพาะทาง ต้องทำอย่าน้อย 1 ปี แต่ถึงแม้ว่าคนไทยจะไม่แพ้ชาติใดในโลก การได้งานระดับ Management ในประเทศที่เราเพิ่งมาเรียน 2 ปี ไม่ได้ง่ายมากนะคะ (หลายคนก็ทำได้ ไม่ใช่ว่าจะมองว่าเป็นไปไม่ได้) และพอยื่นแล้ว เหนือฟ้ายังมีฟ้าจ้า เราคะแนนสูงแล้ว มีคนสูงกว่าเราได้นะจ้ะ
และข้อสุดท้ายก็คือหาหนุ่มสาวชาวแคนาเดียนมาเป็นคู่ใจนั่นแหละ
จะเห็นเลยว่าการย้ายไปอยู่ในแคนาดานั้นไม่ง่ายนะคะ คุณ SaLaSaFoN ได้คอมเม้นท์ได้อย่างน่าสนใจว่า
ประเทศไทยติดอันดับ20ชาติที่เข้ามาเรียน ปีละพันกว่าคน แต่ไม่ติดอันดับประเทศผู้ที่ได้วีซ่าค่ะ
อัตราการว่างงานของไทยคือ 1% แต่ของแคนาดาคือ 5.7% ตอนที่จขกทได้งาน เป็นช่วงน้ำมันเพิ่งจะขาลงจึงยังไม่ส่งผลต่อeconomyมากนัก ตอนนี้คนว่างงานเยอะกว่าเยอะค่ะ อาจจะยากกว่านะคะ
ที่นี่ถ้าไม่ถึก ทน เก่ง อยู่ยากค่ะ
เพราะฉะนั้นอย่าลืมติดอาวุธความรู้ เสริมสร้างทักษะที่จำเป็นในการทำงาน และฝึกฝนภาษาอังกฤษอยู่เสมอนะคะ แล้วลองอ่านทำความเข้าใจกับกฎระเบียบบ้านเค้าให้ดีๆ มิสขอแปะเว็บของรัฐบาลแคนาดาไว้ให้เลยแล้วกัน เข้าไปอ่านกันว่าหลังเรียนจบแล้วจะทำยังไงได้บ้างจ้ะ กดตรงนี้เลย
บทความนี้มีภาค 2 ด้วยนะ สัปดาห์หน้ามิสจะเอาประเทศอะไรมาฝากกันอย่าลืมติดตามเด้อ
6 คอร์สที่เรียนจบแล้วมีลุ้นได้อยู่ยาวในแคนาดา
IELTS ไม่ถึง 6.5 ก็เรียนต่อแคนาดาได้สวยๆ
7 เหตุผลว่าทำไมถึงควรไปเรียนต่อที่แคนาดา