
ฮายยยยซิสสส! กลับมาพบกับมิสอีกแล้วนะฮ้า
ส่วนใหญ่คนที่มีความคิดอยากไปเรียนต่อต่างประเทศ คงวาดฝันอยากไปเรียนต่อประเทศคลาสสิคอย่างอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ส่วนถ้าไปในแถบเอเชียบ้านเราเราก็คงเป็นจีน เกาหลี ญี่ปุ่น
แต่รู้มั้ยคะ มีไม่น้อยคนเลยที่เคยมีประสบการณ์ไปเรียนต่อในประเทศแปลก ๆ นอกสายตา วันนี้มิสได้ไปรวบรวมจากชาวเนตที่เคยไปเรียนต่อจากประเทศเหล่านั้นให้มาดูแล้วว่าเป็นยังไงบ้าง ชีวิตดีไหม ไปดูกัน
เริ่มจากคนแรกกันเลย จากคุณ เอแวนโน ที่มาตั้งคำถามในกระทู้ “มีใครเคยไปเรียนประเทศแปลกๆที่คนไทยไม่ค่อยไปเรียนบ้าง” โดยถามถึงประเทศแถบยุโรปตะวันออกอย่างโรมาเนีย โคโซโว เซอร์เบีย สโลวีเนีย มอลโดวา ลิทัวเนีย และลักเซมเบอร์ก
คุณ The Joy Luck Club มาแสดงความคิดเห็นว่า
“ประเทศที่คุณว่า มีนักเรียนไทยแน่นอน โรมันเนียมีแจกทุนให้เด็กไทยด้วย (แต่ไม่รู้เดี๋ยวนี้ยังมีหรือเปล่านะคะ) สโลเวเนียก็มีนักเรียนมาเรียน ป.เอก ส่วนโคโซโว บอสเนีย เซอร์เบีย ไม่รู้ว่ามีหรือเปล่า แต่โอกาสมีน่าจะน้อยอ่ะค่ะ เพราะคนท้องถิ่นเอง ยังไม่มีใครเรียน ม. ที่นั่นเลยค่ะ ออกมาเรียน ประเทศอื่นๆกันทั้งนั้น”
เท่าที่มิสลองสืบมา โรมาเนียเป็นประเทศยอดฮิตเหมือนกันนะ เพราะมีชาวเน็ตมาถามถึงทุนและการเรียนที่ประเทศนี้พอสมควรเลย
ในกระทู้ “เรียนต่อประเทศโรมาเนียดีหรือไม่??” ของคุณสมาชิกหมายเลข 1240275 ที่สนใจเรียนต่อด้านการแพทย์ที่โรมาเนียมีคนมาให้ความเห็นกันเยอะ มิสขอคัดอันที่น่าสนใจมาดังนี้
คุณ Kanaton แสดงความคิดเห็นว่า
“กำลังจะเรียนในคณะที่ จขกท อยากจะมาเรียนปีหน้า ปัจจุบันเรียนภาษาโรมาเนียอยู่ การสื่อสารที่นี่ต้องใช้ภาษาโรมาเนียเป็นหลักค่ะ เด็กวัยรุ่นๆ ก็จะพูดภาษาอังกฤษได้ แต่ถ้ารุ่นเดอะหน่อยก็ต้องใช้โรมาเนียนในการสื่อสาร เราไม่รู้นะว่าสถานการณ์บ้านเมืองย่ำแย่ไรงี้รึป่าว แต่ก็ไม่เห็นมีผลกระทบต่อการเรียนของเราเลย”
คุณสมาชิกหมายเลข 1282912 ที่บอกว่าตัวเองเคยใช้ชีวิตอยู่ที่โรมาเนียบอกว่า
“เรื่องการศึกษา : ผมมีเพื่อนที่เป็นคนเยอรมันเรียนแพทย์ที่ประเทศโรมาเนีย เค้าบอกว่าการศึกษาที่นี่ถือว่าดีเลยเมื่อเปรียบเทียบกับหลายๆ ประเทศในยุโรปด้วยกัน ( แต่อย่าไปเปรียบกับอังกฤษ ) ด้วยเหตุผลนี้ทำให้หลายๆคนมาเรียนที่นี่ เพราะค่าเรียนถูก แต่จบแล้วส่วนใหญ่จะไปทำงานในประเทศอื่นๆเช่น เยอรมัน หรือ ฝรั่งเศส โดยภาพรวมของการศึกษาถือว่าดี เพราะผมเคยเรียนคอร์สภาษาระยะสั้นในมหาวิทยาลัย Bucharest ผมชอบ
เรื่องสภาพแวดล้อม : ผมอยู่ที่เมือง Bucharest (เมืองกลงของโรมาเนีย)โดยภาพรวมผมว่านิสัยของคนที่ Bucharest เป็นคนนิสัยดีนะครับ โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่น หรือคนรุ่นใหม่ รักเพื่อนฝูง เทคแคร์ผม ( เหมือนเค้าคงดีใจที่มีเพื่อนเป็นเอเชีย เอเชียหาได้น้อยมากที่โรมาเนีย ) แต่ก็มีบ้างที่นิสัยไม่ดีเช่นแก่ๆ หน่อย แต่ก็ไม่ทุกคน
ยิปซี ถ้าหมายถึงขอทาน จะต่างจากขอทานบ้านเรานะครับ ยิปซีที่นั่นรวยมากกก เพราะเนื่องจากที่เค้าสามารถไปไหนมาไหนได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า เลยทำให้ง่ายต่อการออกนอกประเทศ ยิปซีจะไปขอทานในประเทศที่รวยๆ เช่นอังกฤษ แล้วกลับมาสร้างบ้านหลังใหญ่ๆ ยังกับคฤหาสห์ ( แต่อยู่ไม่เป็นจะอยู่ห้องใต้ดินแทน ) ถ้าเห็นบ้านหลังใหญ่ๆส่วนใหญ่จะเป็นของยิปซี ซึ่งยิปซีจะสังเกตุได้ชัดเจนอยู่แล้วว่าแตกต่างจากคนทั่วไป
เรื่องอาหารการกิน : ผมว่าค่าใช้จ่ายที่นั่นไม่แพงนะครับ ส่วนใหญ่ก็ประหยัดๆได้ อาหารก็มีหลากหลาย อาหารจีนก็เยอะ มีร้านอาหารญี่ปุ่น มีร้านอาหารหลากหลาย ไม่ต้องกลัวอดตายเลย แต่ผมจะทำกินเองซะส่วนใหญ่”
สรุปโดยรวมคือ คุณสมาชิกหมายเลข 1282912 บอกว่าโรมาเนียเป็นประเทศน่าไปเที่ยวและน่าไปเรียน เพราะการศึกษานั้นไม่ได้แย่ เรียกได้ว่า “คับแก้ว” ที่สำคัญคือคนไทยในโรมาเนียยังไม่เยอะ
สอดคล้องกับความเห็นคุณ สมาชิกหมายเลข 1292942 ที่บอกว่า
“สำหรับประเทศโรมาเนีย ณ ตอนนี้ ถ้าพูดถึงเด็กไทยที่ไปเรียนบอกได้เลยคะว่าตอนนี้มีอยู่ไม่ถึง20คน นี่คือรวมทุกสาขาวิชานะคะไม่ใช่เฉพาะแพทย์ เพราะว่ายังไม่เป็นที่แพร่หลาย ตอนนี้มีนักศึกษาแพทย์ที่เป็นคนไทยเรียนอยู่แค่สองรุ่น ในสองมหาวิทยาลัยคือ Carol davila university of medicine and pharmacy และ Victor babes university of medicine and pharmacy ทั้งสองเป็นมหาวิทยาลัยแพทย์ที่อยู่ในกลุ่ม UMF ของโรมาเนีย”
มาดูรีวิวอีกหนึ่งประเทศเล็กๆ ของยุโรปอย่าง มัลตา ประเทศทางตอนใต้ของอิตาลีกันบ้าง โดยคุณ Games LoudSi ที่มาเล่าประสบการณ์การไปใช้ชีวิตและไปเรียน MBA เป็นเวลา 1 ปี ในกระทู้ “เรียน Malta กับชีวิตบ้าๆ 1 ปี”
“เอาจริงๆตอนแรก ผมก็ไม่ค่อยรู้จักมอลตาสักเท่าไหร่ แต่ว่าถูกดึงดูดด้วยราคาค่าเรียน MBA ไม่ถึง3 แสน ปีเดียวจบ คือราคาลดไปเยอะมาก ซึ่งพอมาที่นี่ ก็ถูกกว่าที่อื่นมากจริงๆ
ซึ่งเอาจริงๆแล้วตอนแรกที่ไปเพราะหลักสูตรมันสามารถเลือกเรียนได้ 2 ประเทศ ทั้งอังกฤษและมอลตา แต่ตอนหลังเปลี่ยนหลักสูตรเป็นต้องเรียนที่มอลตาอย่างเดียว. คอร์สเรียนก็โอเคนะ ผมเลือกเรียนคอร์สMBA หลักสูตร 1 ปี ที่ London School of Commerce (LSC), Valletta, Malta เป็น College ที่แยกออกมาจากที่ลอนดอน
ส่วนที่บอกว่าหลักสูตรคล้ายลอนดอน เพราะว่าคะแนนทุกวิชาที่เรียนและสอบจะส่งเข้าลอนดอน ให้อาจารย์ทางอังกฤษเป็นคนตรวจ แล้วเอาคะแนนมาเฉลี่ยกันกับอาจารย์ที่สอนโทโดยตรง ส่วนอาจารย์ที่สอนภาษาก็จะเป็นอาจารย์จากอังกฤษ ... คลาสเรียนก็เจอเพื่อนหลากหลายชาติมาก”
“ไปช่วงแรกๆ เราสามารถเรียน Pre-sessionalเพื่อปรับภาษาได้ก่อน ตามระดับภาษาของเรา ที่นั่นเค้าจะสอนภาษาอังกฤษ รวมถึงฝึกฝนการเขียนแบบ Academic เพื่อให้พร้อมต่อการเรียนโท จากนั้นก็ถึงมาสอบวัดระดับอีกที เพื่อให้ผ่านเกณฑ์เรียน MBA ซึ่งเป็นหลักสูตรเดียวกับที่ LSC, London ใครไม่ผ่าน ก็เรียนโทไม่ได้ครับบบบ
การเรียนก็จะแบ่งเป็น 3 เทอม โดย 2 เทอมแรกก็จะมีวิชาให้ได้เลือกลงเรียน เรียนสัปดาห์ละ 3 - 4 วัน รวมถึงมี Assignment ให้ทำตลอด ...แล้วเทอมสุดท้ายจะทำเป็นตัวรายงานจบ หรือ Dissertation นั่นเอง”
สรุปก็คือ หลักสูตรเป็นแบบเดียวกับมหาลัยที่อังกฤษเลย แถมคุณ Games LoudSi บอกอีกว่าเรียนจบก็ได้ปริญญาจาก Anglia Ruskin University, UK ด้วยเพราะมหาลัยทำานร่วมกัน ทุกอย่างที่จ่ายในราคาที่ถูกกว่า!
ส่วนชีวิตในมอลตานั้น “เน้นเฮฮากับเพื่อนเป็นหลัก ไปถึงเมทก็พาเข้าผับตั้งแต่วันแรก ลากยาวยัน 6 โมงเช้า แต่ก็มันส์มากกก เจอเพื่อนจากหลากหลายประเทศมาก ... ตอนผมไปอยู่ที่นู้น มีคนไทยที่เป็นนักเรียนที่ LSC ผมเจอแค่ 2-3 คน ทำให้ส่วนใหญ่ผมค่อนข้างจะอยู่กับเพื่อนต่างชาติมากกว่า ...การที่ไม่ค่อยเจอเพื่อนคนไทยมาก ก็เป็นข้อดีเหมือนกันครับ มันบังคับให้ทำเราได้ใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา”
ถึงแม้มอลตาจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่ความเป็นสากลก็สูงมาก จากประสบการณ์ของคุณ Games LoudSi ที่บอกว่าเพื่อนต่างชาติเยอะมากๆ ดังนั้นใครไปแล้วกลัวว่าจะเหงา ลืมข้อนี้ไปได้เลย
รวมทุนเรียนต่อปริญญาเอก จากประเทศนอกสายตา
รวมทุนรัฐบาลประเทศนอกสายตา เรียนฟรี แข่งขันน้อย ver.2
6 มหาลัยในยุโรป ค่าเทอมฟรี แถมมีทุน