เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนที่กำลังอ่านบทความนี้คงกำลังวางแผนไปเรียนต่อในประเทศยุโรปใช่ไหมคะ? งั้นเราขอเซอร์ไพรซ์เพื่อน ๆ ตรงนี้เลยว่าคุณสามารถเรียนฟรีที่เยอรมนีได้ค่ะ! และไม่ใช่เฉพาะในเยอรมนีนะคะ แต่ประเทศส่วนใหญ่ในสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งมีมหาวิทยาลัยคุณภาพอยู่มากมายก็ได้มีการรับสมัครนักศึกษาโดยไม่ต้องใช้ผลการสอบ GRE, IELTS/TOEFL หรือแม้แต่ค่าสมัครอีกด้วยค่ะ
ดังนั้นก่อนอื่นเลยเราขอเสนอ 5 สิ่งควรรู้ก่อนวางแผนไปเรียนฟรีในยุโรปค่ะ
1. เรียนฟรี
ค่าเรียนของการศึกษาระดับสูงที่มหาวิทยาลัยรัฐบาลส่วนใหญ่ในยุโรปจะมีราคาตั้งแต่ 0 ถึง 500 ยูโรต่อเทอม ซึ่งข่าวดีก็คือสำหรับนักเรียนที่ไม่ได้มีสัญชาติอยู่ในประเทศในสหภาพยุโรปก็สามารถใช้อัตราค่าเล่าเรียนเดียวกันนี้ได้ค่ะ และถ้าค่าเรียนที่ถูกแสนถูกหรืออาจจะฟรีในบางมหาวิทยาลัยยังดึงดูดใจเพื่อน ๆ ได้ไม่มากพอ ขอบอกเลยว่าการเดินทางในยุโรปยังง่ายและถูกมาก ๆ อีกด้วยค่ะ อีกทั้งยังมีมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกกระจายอยู่เกือบทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็น University of Munich ในเยอรมนี, The University of Vienna ในสวิตเซอร์แลนด์ และ Paris-Sorbonne University เป็นต้นค่ะ
มหาวิทยาลัยของเยอรมนีอยู่ภายใต้การดูแลของรัฐและนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงไม่เรียกเก็บค่าเล่าเรียนจากนักเรียน (หรืออาจะเรียกเก็บในอัตราที่ต่ำ) ซึ่งนับเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ สำหรับนักเรียนต่างชาติที่มีปัญหาทางการเงิน นอกจากนั้น University of Cologne, Technische Universität München และ University of Augsburg ยังเสนอทางเลือกการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษให้กับนักศึกษาต่างชาติอีกด้วยค่ะ
รัฐบาลนอร์เวย์สนับสนุนการเงินให้กับการศึกษาอย่างเต็มที่ โดยใช้ภาษีของประชาชนค่ะ ดังนั้นจึงทำให้มหาวิทยาลัยทุกแห่งไม่มีการเรียกเก็บค่าเล่าเรียนทั้งกับชาวนอร์เวย์และชาวต่างชาติด้วยค่ะ ที่นี่มีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอยู่มากมายนะคะ ไม่ว่าจะเป็น Norwegian University of Life Sciences, Norwegian University of Science & Technology และ University of Adger เป็นต้นค่ะ
ส่วนมหาวิทยาลัยในฟินแลนด์ก็ไม่มีค่าเล่าเรียนเหมือนกันค่ะ จะมีก็แค่ Student Union Fees ที่เป็นเหมือนกองทุนรวมสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ที่เรียกเก็บเพียงปีละ 80-90 ยูโรเท่านั้นค่ะ เพราะระบบการศึกษาจะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาลผ่านทางกระทรวงการศึกษา ซึ่งยังครอบคลุมถึงนักเรียนต่างชาติ และนักเรียนแลกเปลี่ยนด้วยค่ะ เพื่อน ๆ อาจลองหาข้อมูลของมหาวิทยาลัยเหล่านี้เพื่อใช้เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจดูนะคะ ได้แก่ Look among Aalto University, Abo Akademi University, Hanken School of Economics, Lappeenranta University of Technology, Tampere University of Technology และ University of Eastern Finland
โบรชัวร์มหาวิทยาลัย+ FREE ดาวน์โหลด
2. ไม่ต้องใช้คะแนน IELTS
ทราบหรือไม่ว่าเพื่อน ๆ สามารถสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำในยุโรปโดยไม่มีผลการสอบ IELTS ได้ค่ะ โดยเพื่อน ๆ สามารถใช้สิ่งอื่น ๆ เพื่อแสดงให้ทางมหาวิทยาลัยเห็นความสามารถทางภาษาอังกฤษของเราแทนได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้:
ใน 5 ปีสุดท้ายของการศึกษา หากเพื่อน ๆ เรียนอยู่ในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลางในการเรียนการสอน และมีภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักที่ IGCSE (International General Certificate of Secondary Education) หรือ O level (Ordinary Level) ค่ะ หรือ
คุณสามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าเราได้ใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในการเรียนที่ผ่าน ๆ มาของเรา ซึ่งสามารถทำได้โดยการสัมภาษณ์ผ่านทาง Skype หรือโทรศัพท์ นี่เป็นวิธีที่นิยมใช้ในการสอบเข้าเรียนที่อังกฤษสำหรับประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเช่น ประเทศในแอฟริกาและอินเดียค่ะ หรือ
สุดท้ายคือการสมัครเรียนต่อในสถาบันเดิม ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดค่ะ (ในกรณีที่เราเรียนปริญญาตรีที่ต่างประเทศอยู่แล้ว) โดยหลักสูตรเดิมจะต้องสอนเป็นภาษาอังกฤษนะคะ
3. ไม่ต้องใช้คะแนน GRE
ไม่เพียงแต่มหาวิทยาลัยในอเมริกาเท่านั้นที่ GRE เข้ามามีบทบาทในการสมัครเรียน มหาวิทยาลัยของยุโรปหลายแห่งก็ได้ให้ความสำคัญกับผลการเรียนของปริญญาตรีและการสอบ GRE เช่นกันค่ะ ซึ่งจริง ๆ แล้วมหาวิทยาลัย “ส่วนใหญ่” ของยุโรปเขาไม่ได้ต้องการให้ส่งคะแนน GRE นะคะ มันเป็นเพียงทางเลือกเพิ่มเติมเท่านั้นค่ะ จะมีมหาวิทยาลัยเพียงบางแห่งเท่านั้นที่มีข้อบังคับนี้
หากจะดูจากความเป็นจริงแล้ว ถ้ามหาวิทยาลัยไม่ได้มีข้อบังคับ คะแนน GRE จะมีผลต่อการเพิ่มโอกาสเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
GRE คืออะไร? หลายคนอาจยังไม่รู้จักการสอบนี้ ไปหาคำตอบกันได้ ที่นี่ เลยค่ะ
4. ภาษา
“ภาษาไม่เคยเป็นอุปสรรคในการสื่อสาร” หลายคนอาจเคยได้ยินคำพูดนี้นะคะ แต่ขอบอกเลยว่ามันใช้ไม่ได้กับยุโรปแน่นอนค่ะ ยุโรปเป็นทวีปที่มีความหลากหลายของภาษาพูดมาก แต่ละประเทศก็อาจมีภาษาของตัวเอง ดังนั้นการที่เพื่อน ๆ ไม่รู้ภาษาถิ่นของเขาอาจสร้างปัญหาให้กับตัวเองได้ค่ะ แล้วยิ่งมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ ความหายนะเดียวก็คือเพื่อน ๆ ต้องพูดภาษาของเขาให้ได้ แต่อย่าเพิ่งทำหน้าผิดหวังกันนะคะ เพราะหลาย ๆ มหาวิทยาลัยก็มีหลักสูตรทางเลือกที่มีการสอนเป็นภาษาอังกฤษให้ค่ะ ซึ่งจากการสำรวจก็พบว่ามีอยู่มากมายทีเดียว พอบวกกับการได้เรียนในประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษแล้ว ก็อาจทำให้เพื่อน ๆ สามารถเรียนรู้ภาษาใหม่ได้อย่างรวดเร็วเป็นของแถมอีกด้วย และยังทำให้ resume ของคุณดูอินเตอร์มากขึ้นเลยทีเดียวค่ะ
หากใครต้องการเริ่มต้นด้วยการปรับพื้นฐานเรื่องภาษาลองดูรายชื่อสถาบันต่างๆได้ที่นี่เลยค่ะ
5. ใบอนุญาตทำงาน
ทุกคนคงมีความฝันที่อยากจะทำงานต่างประเทศและเอาเงินที่หามาได้นั้นมาใช้ในเวลาสุดพิเศษของตัวเองนะคะ ความฝันของเพื่อน ๆ เป็นจริงแล้วค่ะ! นอกจากคุณจะสามารถเรียนฟรีที่ยุโรปได้แล้ว คุณยังสามารถขอใบอนุญาตทำงานขณะเรียน ซึ่งอาจยาวไปหลังเรียนจบได้อีกหลายเดือนเลยทีเดียวค่ะ (ขึ้นอยู่กับประเทศนั้น ๆ)
ยุโรปเป็นผู้นำในนวัตกรรม บริษัทชั้นนำทางเทคโนโลยีและการออกแบบหลายที่ก็มีรากฐานมาจากประเทศยุโรป ยิ่งไปกว่านั้นมหาวิทยาลัยในยุโรปยังเสนอหลักสูตรที่มีความหลากหลายและมีชื่อเสียงในระดับโลกค่ะ
นอกไปจากการที่เพื่อน ๆ จะได้เรียนรู้และเข้าใจวัฒนธรรมที่แตกต่าง ยุโรปยังให้ทั้งการศึกษาและโอกาสที่ดีในการทำงาน จากผู้สอนที่มีประสบการณ์ทางด้านเทคโนโลยี มีข้อมูลเชิงลึกในสาขาของตนที่พร้อมจะมอบให้กับเด็กนักเรียน การที่นักศึกษาได้เรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกและมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยจะช่วยให้สามารถเรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจได้อย่างเต็มที่ค่ะ
แล้วยังจะรออะไรอยู่อีกละคะ เริ่มสมัครเรียนต่อยุโรปกันเลยเถอะค่ะ! คลิกที่นี่
เข้าไปดูกัน! 2 บทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเรียนต่อยุโรป