ขั้นตอนเรียนต่อ
เรียนในต่างประเทศ : การเตรียมตัวและการสมัครเรียน

เคล็ดลับ 9 ข้อเพื่อฝึกทักษะภาษาอังกฤษสำหรับผู้เริ่มต้น

อยากเก่งภาษาอังกฤษ

     หลายคนที่เพิ่งเริ่มฝึกภาษาอังกฤษอย่างจริงจังตอนโต มักพบเจอกับความท้อใจอย่างมหาศาล โอ๊ย...คนอื่นเขาไปถึงไหนกันแล้ว เรายังฟังฝรั่งพูดไม่รู้เรื่องสักที เวลาจะตอบก็ตะกุกตะกักนึกคำไม่ออก อยากไปเรียนต่อเมืองนอกกับเขาบ้างจะมีหวังไหมเนี่ย

     เราเชื่อว่าไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเรียนรู้ค่ะ หากเริ่มเปิดรับภาษาอังกฤษเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันเตั้งแต่วันนี้ วันข้างหน้าคุณจะต้องพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอน ลองแบ่งเวลาสักวันละ 30 นาทีมาฝึกฝนเคล็ดลับ 9 ข้อนี้อย่างสม่ำเสมอดูสิ! ^^

 

1. ฟังภาษาอังกฤษทุกวัน

      การฝึกภาษาควรเริ่มจากการฟังค่ะ ช่วงเริ่มฝึกใหม่ๆ อาจจะยังฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ก็ลองหาคลิปสอนภาษาที่พูดช้าๆ มาฟังก่อนค่ะ เฉพาะใน Youtube ก็มีสอนอยู่มากมายนับไม่ถ้วน เช่น ช่อง Learn English with EnglishClass101.com, Anglo-Link, Speak English With Misterduncan, Rachel's English, JenniferESL ฯลฯ

     หรือไม่ก็ลองฟัง Podcast ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะมีเนื้อหาที่น่าสนใจให้เลือกฟังเพียบ หากมีเวลาน้อยจะฟังระหว่างนั่งรถ ออกกำลังกาย หรือทำความสะอาดบ้านก็ยังได้

     

2. ตั้งค่าอุปกรณ์ต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ

      ไม่ว่าจะคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์อื่นๆ ควรตั้งค่าเมนูเป็นภาษาอังกฤษให้หมดเลยค่ะ รวมถึง Facebook, Twitter และโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่ใช้งานเป็นประจำด้วยนะคะ จะได้รู้สึกคุ้นชินกับภาษาอังกฤษมากขึ้น

 

3. รับข่าวสารเป็นภาษาอังกฤษ

       หากใครรู้สึกว่าทักษะพัฒนาขึ้นแล้ว อยากขยับเลเวลในการฝึกภาษา ก็ลองติดตามข่าวเป็นภาษาอังกฤษดูค่ะ นอกจากจะได้ฝึกภาษาแล้ว ยังได้อัพเดทเหตุบ้านการเมืองอีกด้วย แหล่งข่าวต่างประเทศยอดนิยมก็ได้แก่ BBC, CNN และ Google News หรือถ้าอยากติดตามข่าวของประเทศไทย ก็มีให้ติดตามกันหลายเว็บ เช่น Bangkokpost และ The Nation

 

 

4. ดูหนัง ฟังเพลงภาษาอังกฤษ

นอกจากจะได้ความบันเทิงแล้ว คนที่ดูหนัง ฟังเพลงภาษาอังกฤษเป็นประจำยังยืนยันว่าวิธีนี้ช่วยพัฒนาทักษะได้จริงๆ ค่ะ แต่ต้องทำต่อเนื่องสักระยะหนึ่งนะคะ ไม่ใช่ดูหนัง 4-5 เรื่อง ฟังเพลง 6-7 เพลง แล้วจะเก่งขึ้นได้ทันตาเห็น

 

5. เลือกอ่านตามความสนใจ

     การเลือกอ่านบทความภาษาอังกฤษหัวข้อที่ตรงกับความสนใจ เช่น เรื่องท่องเที่ยว อาหาร ดนตรี ศิลปะ จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้คุณอยู่กับการฝึกภาษาอังกฤษได้ยาวนานยิ่งขึ้น เดี๋ยวนี้มีบทความตามเว็บไซต์ นิตยสารออนไลน์ให้เลือกอ่านฟรีมากมายค่ะ

     ถ้าอยากไฮเทคขึ้นมาอีกนิด Kindle ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะนอกจากจะมีคลังหนังสือให้เลือกมหาศาลแล้ว ยังช่วยถนอมสายตาอีกด้วย >คลังหนังสือฟรีสำหรับ Kindle<

 

6. เขียนอย่างสม่ำเสมอ

     ใช้เวลาสัก 10 นาทีต่อวัน เขียนสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองในวันนี้เป็นภาษาอังกฤษสั้นๆ สัก 3-4 บรรทัด หรือเขียนอะไรก็ได้ที่เรากำลังสนใจอยู่ในขณะนั้น ไม่ต้องยาวมากแต่เน้นความสม่ำเสมอ ถ้ามีเพื่อนที่เก่งภาษาช่วยตรวจแก้ไขให้ด้วยก็จะดีมาก สำหรับคนที่ไม่รู้จะเขียนอะไร เขียนสิ่งที่ฟังจากภาษาอังกฤษก็ได้ค่ะ จะได้พัฒนาทั้งทักษะการฟังและการเขียนควบคู่กันไปด้วย

 

7. เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ทุกวัน

ตามเว็บไซต์ดิกชั่นนารีออนไลน์ส่วนใหญ่ เช่น Dictionary.com และ Oxford Dictionaries จะมีการหยิบคำศัพท์น่าสนใจขึ้นมาเป็น Word of the Day ให้ผู้ใช้งานได้รู้จักคำศัพท์ใหม่ๆ เพิ่มเติม ลองเข้าไปดูและจำไว้ใช้งานดูสิ ;)

 

 

8. ฝึกพูดภาษาอังกฤษ

จับคู่กับเพื่อนที่กำลังฝึกภาษาอังกฤษอยู่เหมือนกัน แล้วคุยภาษาอังกฤษกันสัก 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือจะใช้บริการเว็บไซต์ต่างๆ ที่เป็นคอมมูนิตี้สำหรับคนฝึกภาษา เช่น italki หรือ verbling ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย สำหรับการฝึกสนทนาเพื่อใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน

 

9. วางแผนการฝึกภาษาอังกฤษ

  ทั้ง 8 ข้อที่แนะนำไปในข้างต้นเป็นเทคนิคในการฝึกฝนทักษะด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฟัง พูด อ่าน เขียน แต่ข้อสุดท้ายนี้จะเป็นตัวช่วยให้กระบวนการฝึกของทุกคนประสบความสำเร็จค่ะ ก่อนอื่นต้องถามตัวเองก่อนว่าอยากพัฒนาทักษะด้านไหนเป็นพิเศษ และฝึกภาษาอังกฤษไปเพื่ออะไร ถ้าฝึกเพื่อสอบ TOEIC / TOEFL / IELTS ก็ต้องเน้นความเป๊ะของไวยกรณ์ควบคู่ไปด้วย แต่ถ้าอยากสื่อสารได้คล่องปาก การฝึกก็คงต้องเน้นใช้งานจริงบ่อยๆ คุยกับเจ้าของภาษาบ่อยๆ

 

ตัวอย่างการวางแผน :

   ต้องการพัฒนาทักษะการพูดเพื่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน ด้วยการเรียนคอร์ส Speaking ออนไลน์ / คุยกับเจ้าของภาษาอย่างน้อยสองชั่วโมงต่อสัปดาห์ และดูข่าวภาษาอังกฤษวันละ 10 นาที

    การเขียนออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะต้องทำอะไรบ้าง จะช่วยให้วิธีการและเป้าหมายของเราชัดเจน และมีโอกาสประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นนะ :) สู้ๆ เราเอาใจช่วยอยู่

 

MUST READ

article Img

ไขข้อสงสัย IELTS กับ TOEFL ต่างกันยังไง

ระบบคะแนน ทำความรู้จักระดับคะแนน IELTS กันก่อนล่ะกัน คือเขาจะแบ่งออกเป็นตั้งแต่ระดับ 1-9 สำหรับแต่ละทักษะ สอบเป็นฟัง พูด อ่าน เขียน พอได้คะแนนในแต่ละพาร์ทมาแล้ว เขาก็จะเอามาหารแล้วได้ออกมาเป็น Overall Score เช่นว่าบางที่อาจจะรับเฉพาะคนที่ได้คะแนนรวม 6 ขึ้นไปเท่านั้น ห้ามมีส่วนไหนได้ต่ำกว่า 5 ไรแบบนี้ (แต่ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะบางมหาวิทยาลัยก็มี Presessional Courses ปรับพื้นฐานภาษาสำหรับคนที่คะแนนไม่ถึง)   แนะนำทางลัด

458.1K
article Img

วิธีเตรียมตัวไปเรียนต่อนอกภายใน 1 ปี

วิธีเตรียมตัวไปเรียนต่อนอกภายใน 1 ปี เอ๊…ถ้าอยากไปเรียนต่อต่างประเทศปีหน้า เราควรต้องเตรียมตัวช่วงไหนนะ? ตอนนี้มันจะสายไปมั้ยหรือยังไง? แล้วเดือนไหนควรต้องเตรียมอะไรบ้าง? หลาย ๆ คำถามเหล่านี้อาจเป็นคำถามในใจของใครหลาย ๆ คน ซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อนเราก็อาจจะหาคำตอบได้ยากหน่อย เพราะข้อมูลมันเยอะมากกกก จนต้องเอามาสรุปกันเองแบบงง ๆ (แอดมินเป็นมาก่อนค่า) แต่ไม่ต้องเครียดค่ะ วันนี้ Hotcourses Thailand ขอเสนอตัว

101.1K
article Img

รวมกลวิธีเตรียมสอบทุกทักษะ IELTS แบบไม่ง้อติวเตอร์

  ฝึกทักษะการฟัง - ดูรายการภาษาอังกฤษ ทักษะการฟังเป็นส่วนแรกที่เราจะต้องเจอในการสอบ IELTS ซึ่งโดยมากแล้วจะมาประมาณ 4 สถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป อาจจะเป็นการกรอกแบบสอบถาม การคุยกันกับเพื่อน เติมแผนที่ลงไปในโปรแกรมทัวร์อะไรเทือกๆ นี้     สิ่งหนึ่งที่เราต้องเตรียมตัวคือการฝึกหูของเราให้รับและคุ้นชินกับสำเนียงบริติช หลายครั้งคนไทยเราส่วนมากจะเจอแต่สำเนียงอเมริกัน จนเราชินกับสำเนียงเขาไปแล้ว

78.5K
article Img

IELTS Writing task 2 มีคำถามแนวไหน และต้องตอบอย่างไร

IELTS Writing task 2 มีคำถามแนวไหน และต้องตอบอย่างไร >>เตรียมตัวสอบ IELTS Speaking หัวข้อคำถาม >>หลักสูตรด้านภาษาอังกฤษ >>หลักสูตรภาษาอังกฤษแบบ EFL   (เรียนเป็นภาษาต่างประเทศ)   หลายๆ คนคงทราบว่าการสอบ IELTS นั้นแบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่การฟัง อ่าน เขียน และพูด ตามลำดับ โดยมีคะแนนเต็ม 9.0 ซึ่งจะนำคะแนนที่เราได้ในแต่ละ part มาเฉลี่ยกัน บทความนี้จะเจาะลึกที่การเขียน task 2

69.1K