
- Harvard University ยังคงเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอันดับ 1 ของโลก
- Cambridge (อันดับ 2) และ Oxford (อันดับ 3) แห่งสหราชอาณาจักร แซงหน้า Massachusetts Institute of Technology หรือ MIT และ Stanford University ทำให้ปีนี้พวกเขาตกลงไปอยู่ในอันดับ 4 และ 5 ตามลำดับ
- เมืองที่มีมหาวิทยาลัยติดอันดับ Top 100 มากที่สุดคือ ลอนดอน และ ปารีส แต่ลอนดอนเฉือนชนะไปด้วยอันดับที่สูงกว่า
- นอกเหนือจากมหาอำนาจด้านการศึกษาอย่างอังกฤษและอเมริกาแล้ว ประเทศเยอรมันก็ตามมาติดๆ ในประเทศที่มีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเป็นอันดับ 3
- ประเทศทางแถบสแกนดิเนเวียอย่าง Denmark, Finland และ Sweden มีมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับ Top 100 เป็นครั้งแรกในปีนี้
- Moscow State University แห่งรัสเซีย ได้รับอันดับที่สูงขนาดนี้เป็นครั้งแรก หลังจากเศรษฐกิจของประเทศเริ่มฟื้นฟู
- มหาวิทยาลัย Top 6 จากอังกฤษและอเมริกา ได้แก่ Harvard, MIT, Stanford, Cambridge, Oxford และ University of California, Berkeley มีคะแนนห่างจากมหาวิทยาลัยอื่นๆ อย่างชัดเจน
- มหาวิทยาลัยจากสหราชอาณาจักรได้รับการจัดอันดับอยู่ใน 100 อันดับแรกถึง 12 แห่ง ซึ่งเพิ่มมากขึ้นจากปีที่แล้วที่มี 10 แห่ง
- มหาวิทยาลัยจากประเทศจีนมีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด โดยมหาวิทยาลัย Tsinghua และ Peking ได้รับอันดับที่สูงกว่าที่เคยเป็นมา แต่มหาวิทยาลัยในฮ่องกงกลับอันดับตกลง
Times Higher Education (THE) เผยผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก หรือ THE World Reputation Rankings ประจำปี 2015 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีการจัดอันดับมหาวิทยาลัย 100 แห่งที่ทรงเกียรติที่สุดจากผลสำรวจของนักวิชาการอาวุโสทั่วโลก
โดยรายชื่อมหาวิทยาลัย 100 แห่งนี้ ได้รับการอ้างอิงอย่างกว้างขวาง เนื่องจากชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเป็นกุญแจสำคัญแห่งความสำเร็จท่ามกลางการแข่งขันทางการศึกษาระดับโลก ในการดึงนักศึกษาผู้มีความสามารถและนักวิชาการที่มีพรสวรรค์ เงินลงทุน พันธมิตรในการวิจัย และเงินบริจาค
การจัดอันดับครั้งนี้ยังคงแสดงให้เห็นว่า กลุ่มมหาวิทยาลัยที่ได้ชื่อว่าดีที่สุด 6 แห่งจากฝั่งอังกฤษและอเมริกายังคงความสูงส่งอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 และได้รับความนิยมเหนือกว่ามหาวิทยาลัยในลำดับรองลงมาอย่างชัดเจน นำโดย Harvard University ในอันดับที่ 1 Cambridge University เลื่อนขึ้นมาเป็นอันดับ 2 (จาก 4) และ Oxford University ในอันดับ 3 (จาก 5) ในขณะที่ MIT (Massachusetts Institute of Technology) ตกลงมาอยู่ในอันดับ 4 (จาก 2) และ Stanford University ตกลงมาอยู่ในอันดับ 5 (จาก 3) ส่วนอันดับ 6 ที่คงเดิมได้แก่ The University of California, Berkeley
ส่วนอันดับ 7 ถึง 10 ยังคงเป็นมหาวิทยาลัยจากสหรัฐอเมริกาทั้งหมด โดย Princeton University, Yale University, และ California Institute of Technology อยู่ในอันดับ 7 8 และ 9 ตามลำดับ โดยอันดับที่ 10 Colombia University ได้เข้ามาสู่ลำดับ 10 เป็นครั้งแรกแทนที่ University of California, Los Angeles ซึ่งตกลงไปอยู่ในลำดับที่ 13
ในภาพรวมแล้วสหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้นำทางการศึกษา โดยมีมหาวิทยาลัยอยู่ใน Top 50 ถึง 26 แห่ง และอยู่ใน Top 100 ถึง 43 แห่ง (ลดลงจากปีที่แล้วที่มี 46 แห่ง) โดยมหาวิทยาลัยที่แสดงศักยภาพได้สูงสุดของปีนี้คือ Colombia University ที่ขยับจากอันดับ 23 มาเป็นอันดับ 10 ในปีนี้ และ New York University ที่อยู่ในอันดับที่ 20 จากที่ไม่เคยอยู่ใน Top 50 มาก่อนในปี 2011
ถัดมาคือสหราชอาณาจักรซึ่งมีมหาวิทยาลัยในอันดับ Top 100 ถึง 12 แห่ง จากที่มี 10 แห่งในปีที่ผ่านมา โดยเมืองสามเหลี่ยมทองคำที่มีชื่อเสียงด้านการศึกษาได้แก่ Oxford, Cambridge และ London โดย University College London ขยับจากอันดับ 25 ขึ้นเป็น 17, London School of Economics ขยับจาก 24 เป็น 22 และ King’s College London ขยับอย่างก้าวกระโดดจากอันดับ 43 เป็น 31 โดยถือเป็นหนึ่งในดาวรุ่งพุ่งแรงของการจัดอันดับเลยทีเดียว ส่วน Warwick และ Durham ได้เข้ามาอยู่ในอันดับ 81-90 เป็นครั้งแรก
Full Times Higher Education World Reputation Rankings 2015
2015 reputation rank |
Institution |
Country / region |
1 |
Harvard University |
United States |
2 |
University of Cambridge |
United Kingdom |
3 |
University of Oxford |
United Kingdom |
4 |
Massachusetts Institute of Technology |
United States |
5 |
Stanford University |
United States |
6 |
University of California, Berkeley |
United States |
7 |
Princeton University |
United States |
8 |
Yale University |
United States |
9 |
California Institute of Technology |
United States |
10 |
Columbia University |
United States |
11 |
University of Chicago |
United States |
12 |
University of Tokyo |
Japan |
13 |
University of California, Los Angeles |
United States |
14 |
Imperial College London |
United Kingdom |
15 |
ETH Zürich – Swiss Federal Institute of Technology Zurich |
Switzerland |
16 |
University of Toronto |
Canada |
17 |
University College London |
United Kingdom |
18 |
Johns Hopkins University |
United States |
19 |
University of Michigan |
United States |
20 |
Cornell University |
United States |
20 |
New York University |
United States |
22 |
London School of Economics and Political Science |
United Kingdom |
23 |
University of Pennsylvania |
United States |
24 |
National University of Singapore |
Singapore |
25 |
Lomonosov Moscow State University |
Russian Federation |
26 |
Tsinghua University |
China |
27 |
Kyoto University |
Japan |
28 |
Carnegie Mellon University |
United States |
29 |
University of Edinburgh |
United Kingdom |
30 |
University of Illinois at Urbana-Champaign |
United States |
31 |
King’s College London |
United Kingdom |
32 |
Peking University |
China |
33 |
University of Washington |
United States |
34 |
Duke University |
United States |
35 |
Ludwig Maximilian University of Munich |
Germany |
35 |
McGill University |
Canada |
37 |
University of British Columbia |
Canada |
38 |
University of California, San Francisco |
United States |
38 |
Heidelberg University |
Germany |
38 |
University of Wisconsin-Madison |
United States |
41 |
University of California, San Diego |
United States |
41 |
Humboldt University of Berlin |
Germany |
41 |
University of Melbourne |
Australia |
44 |
University of California, Davis |
United States |
45 |
Karolinska Institute |
Sweden |
46 |
University of Texas at Austin |
United States |
47 |
Northwestern University |
United States |
48 |
École Polytechnique Fédérale de Lausanne |
Switzerland |
49 |
Georgia Institute of Technology |
United States |
50 |
University of Manchester |
United Kingdom |
เยอรมันเป็นประเทศอันดับ 3 ที่มีมหาวิทยาลัยอันดับ Top 100 สูงสุด โดยมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงติดอันดับถึง 6 แห่ง นำโดย Ludwig Maximilian University แห่ง Munich ที่ขึ้นจากอันดับ 46 ร่วม เป็นอันดับ 35 นอกจากนี้ยังมี Heidelberg University ในอันดับที่ 38 และ Humboldt University แห่ง Berlin ในอันดับที่ 41 ร่วม โดยสองมหาวิทยาลัยนี้ได้เข้ามาอยู่ในกลุ่ม Top 50 เป็นครั้งแรก
ฝรั่งเศสตามมาติดๆ โดยมีมหาวิทยาลัยถึง 5 แห่ง ที่ติดอันดับ Top 100 (จากเดิมที่มีเพียง 2 แห่ง ในปีที่ผ่านมา) นำโดย Pantheon-Sorbonne University – Paris 1 และ Paris-Sorbonne University – Paris 4 ในลำดับที่ 51-60 ส่วนเนเธอร์แลนด์ก็อยู่ในอันดับใกล้เคียงกับฝรั่งเศส โดยมีมหาวิทยาลัย 5 แห่ง ในอันดับ Top 100 เช่นกัน นำโดย Delft University of Technology ที่ตกจากอันดับ 42 อยู่ในกลุ่มอันดับ 51-60
รัสเซียเป็นอีกประเทศที่มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดย St Petersburg University แห่งรัสเซีย ก้าวเข้ามาอยู่ในอันดับ 71-80 เป็นครั้งแรก และ Moscow State University ขยับจากอันดับ 51-60 มาอยู่ในอันดับที่ 25 ซึ่งเป็นอันดับที่สูงสุดที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เคยได้รับ
ประเทศแถบสแกนดิเนเวียก็เตรียมตัวฉลองได้ เมื่อ Karolinska Institute แห่งสวีเดน เข้ามาอยู่ในอันดับ 45 ติด Top 50 เป็นครั้งแรก ส่วน University of Helsinki จากฟินแลนด์ก็เข้ามาอยู่ในอันดับ Top 100 เป็นครั้งแรกในอันดับที่ 81-90 และ University of Copenhagen จากเดนมาร์ก ตามมาอยู่ในอันดับ Top 100 เช่นเดียวกัน
ทางฝั่งเอเชียแปซิฟิค มหาวิทยาลัยจากออสเตรเลียขยับขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ดีขึ้น โดย University of Melbourne ขยับขึ้นจากลำดับ 43 เป็น 41 ร่วม และ University of Sydney กับ Australian National University ขยับจากกลุ่ม 61-70 เป็นอันดับที่ 51-60
ส่วนมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งในเอเชียนั้นคงจะเป็นใครไม่ได้นอกเสียจาก University of Tokyo ที่อยู่ในลำดับที่ 12 ในปีนี้ (ตกลงมาหนึ่งอันดับจากปีที่แล้ว) ในขณะที่มหาวิทยาลัยอื่นๆ ในญี่ปุ่นนั้นอันดับร่วงลงเป็นทิวแถว ทั้ง Kyoto University ที่ตกจากอันดับ 19 เป็น 27 และ Osaka University ที่ตกออกจากตารางไปเลย
ในขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยจากจีนนั้นเข้ามาอยู่ในลำดับที่สูงขึ้น โดย Tsinghua University ขึ้นจากอันดับ 36 เป็น 26 แซง Kyoto University เป็นครั้งแรกตั้งแต่มีการจัดอันดับมา และ Peking University ขยับจากอันดับ 41 เป็น 32 ในปีนี้ ตรงข้ามกับฮ่องกงที่ทำคะแนนได้ไม่ดีนัก เพราะ University of Hong Kong หลุดจาก Top 50 ที่เคยอยู่ในอันดับ 43 ไปอยู่ในกลุ่มอันดับ 51-60 ในปีนี้
ข่าวร้ายสำหรับทางตะวันออกกลางที่มหาวิทยาลัย Technion Israel Institute of Technology แห่งอิสราเอล และ Middle East Technical University จากตุรกี ต้องหลุดออกจากตาราง Top 100 ไป
โดยรวมแล้วมีมหาวิทยาลัยจาก 21 ประเทศ ที่ได้รับการจัดอันดับอยู่ใน 100 อันดับแรกของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก โดยการสำรวจนี้มีผู้ได้รับเชิญให้ร่วมตอบแบบสอบถามกว่า 70,000 คน จาก 150 ประเทศทั่วโลก เป็นเวลา 5 ปีตั้งแต่ปี 2010 และผลการสำรวจของปีนี้ (2015) มาจากคำตอบของนักวิชาการอาวุโสกว่า 10,507 คนที่มีประสบการณ์กว่า 15 ปี ในระดับมหาวิทยาลัย
งานวิจัยจาก IDP พบว่า ชื่อเสียงและอันดับของมหาวิทยาลัย เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดเพียงอย่างเดียวของนักศึกษาในการเลือกมหาวิทยาลัย โดยมีความสำคัญยิ่งกว่าค่าเทอมหรือเนื้อหาวิชาเรียนและงานวิจัยจาก World 100 Reputation Network ยังพบว่าชื่อเสียงของสถาบันยังเป็นปัจจัยอันดับแรกของนักวิชาการต่างชาติในการย้ายที่ทำงานอีกด้วย